หากคุณกำลังรู้สึกสิ้นหวังกับการรักษาโรคซึมเศร้า หรือเป็นอีกคนหนึ่งที่ป่วยเป็น “โรคซึมเศร้า” หรือโรคทางจิตเวช และกินยารักษามายาวนานหลายปี แต่ยังไม่หายจากโรค ทนทุกข์ทรมานกับอาการของโรค วนลูปอยู่กับความคิดด้านลบและปัญหาชีวิตที่ถาโถมเข้ามาใส่ จนแทบหมดพลังที่จะใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ บทความ กรณีศึกษา เยียวยาบำบัดโรคซึมเศร้าเรื้อรัง แบบองค์รวม ซึ่งผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ารักษาด้วยยามายาวนานถึง 8 ปี เธอสามารถจุดประกายความหวัง และเยียวยาฟื้นฟูตัวเองให้ก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากของชีวิตไปได้ ภายในระยะเวลา 3 เดือน แบบที่เธอเองก็ไม่คาดคิด และสร้างความมหัศจรรย์ใจให้จีได้อย่างมากมาย หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้สึกเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่าย ในการรักษาโรคซึมเศร้ามามากพอแล้ว หรือกำลังมองหาทางเลือกในการเยียวยาบำบัดโรคซึมเศร้าที่ดีกว่า กรณีศึกษา การเยียวยาบำบัดโรคซึมเศร้าเรื้อรัง แบบองค์รวม จะช่วยเป็นแรงบันดาลใจ สร้างความหวัง กำลังใจ และความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้คุณได้มองเห็นแนวทางและก้าวข้ามผ่านมันไปได้เช่นกันค่ะ
โรคซึมเศร้าเรื้อรังกับการรักษาด้วยยามา 8 ปี
ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าแบบเรื้อรัง ต้องกินยารักษากันยาวนาน จนรู้สึกท้อแท้และเบื่อหน่ายกับการกินยา สิ่งที่จีได้เรียนรู้และค้นพบส่วนใหญ่ มักจะได้รับการรักษาด้วยยาเพียงอย่างเดียว หรือบางทีก็อาจจะมีการทำจิตบำบัดบ้าง แต่เป็นจิตบำบัดแบบพูดคุยหรือ ปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (CBT) แต่สิ่งที่สำคัญที่ทำให้ไม่อาจหายป่วยจากโรคซึมเศร้าได้ นั่นคือ ยังมี สาเหตุหรือปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาแก้ไขอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางด้านจิตใจและจิตสังคม โดยเฉพาะเรื่องปมปัญหาขัดแย้งภายในใจของผู้ป่วย ที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังสะสม รวมถึงปัจจัยเกี่ยวกับบุคลิกภาพและปัจจัยร่วมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
คุณอ้อ ป่วยเป็น โรคซึมเศร้าเรื้อรัง และรักษาด้วยยามา 8 ปีแล้ว เธอบอกว่าเคยทำจิตบำบัดแบบฝึกสติมาแล้วก่อนหน้านี้ดีขึ้น แต่ไม่นานก็กลับมามีอาการกำเริบรุนแรงซ้ำ จนสร้างปัญหาชีวิตให้เธอรอบด้าน ส่งผลทำให้เธอรู้สึกดิ่งดาวน์ หมดพลังในการใช้ชีวิตจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ จากการสอบถามพูดคุยรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับความเจ็บป่วย ประวัติการรักษาบำบัด ประสบการณ์ชีวิตและเรื่องราวต่าง ๆ ที่สร้างปัญหาและอาจก่อให้เกิดความเจ็บป่วย พบว่าคุณอ้อมีปัญหาชีวิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านการงาน การเงิน โดยเฉพาะเรื่องความรักความสัมพันธ์ภายในครอบครัว อีกทั้งยังพบว่าเธอมีปมปัญหาและบาดแผลทางใจในวัยเด็กมากมาย ที่จำเป็นต้องได้รับการเยียวยาแก้ไขอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อที่จะช่วยให้อาการของเธอดีขึ้น และสามารถที่จะช่วยให้เธอลดการใช้ยาและหยุดยาได้ในอนาคตอันใกล้ โดยไม่หลงทางหรือติดกับอยู่กับการวนลูปของโรคซึมเศร้ามากไปกว่านี้
สรุปไทม์ไลน์การเยียวยาบำบัดโรคซึมเศร้า แบบองค์รวม
- คุณอ้อป่วยด้วยโรคซึมเศร้าเรื้อรังและกินยารักษามายาวนาน 8 ปี แล้วกลับมามีอาการกำเริบรุนแรงอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่ได้เข้ามาเยียวยากับจีนั้น เธอมีอารมณ์แปรปรวนและมีอารมณ์ความรู้สึกด้านลบที่ท่วมท้น มีความวิตกกังวล ความกดดันและความเครียดสูงมาก ส่งผลให้เธอจมและวนลูปอยู่กับอารมณ์เหล่านั้น รู้สึกดิ่ง ดาวน์ มองไม่เห็นทางออกจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ จีช่วยให้เธอได้ระบายอารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้น โดยการโทรพูดคุยและรับฟังก่อน เพื่อสะท้อนให้เธอได้ตระหนักรู้ ในโรคและสิ่งที่กำลังเผชิญ ช่วยให้เธอตั้งสติ สร้างความหวังและกำลังใจ รวมทั้งเตรียมความพร้อมเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
- เราเริ่มต้นปรับสมดุลตามแนวทางการเยียวยาบำบัดแบบองค์รวม และปรับให้เหมาะกับคุณอ้อว่า เธอสามารถทำอะไรได้บ้างในตอนนั้น แล้วเธอก็ ค่อย ๆ เริ่มลงมือทำเพื่อสร้างและปรับสมดุลให้ตัวเอง
- ประเด็นสำคัญที่ต้องรีบเยียวยาแก้ไข ก็คือ คุณอ้อมีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับอย่างรุนแรง เธอพยายามหาวิธีทำให้ตัวเองหลับเพราะไม่ต้องการกินยานอนหลับ วิธีต่าง ๆ ที่เธอทำเป็นวิธีที่ดี แต่ยังทำไม่ถูกทาง ยิ่งทำยิ่งเพิ่มความเครียด ความกดดันตัวเองมากขึ้น จนทำให้เธอไม่สามารถผ่อนคลายตัวเองได้ ยิ่งทำให้การนอนของเธอรวน และส่งผลให้อารมณ์แปรปรวนมากขึ้น รวมทั้งยานอนหลับที่เธอใช้ยังปรับไม่เหมาะสม จึงต้องกลับไปพบจิตแพทย์เพื่อปรับยาใหม่จนลงตัว
- การปรับวิธีคิดและพฤติกรรมเรื่องการนอน ด้วยการหาวิธีที่ช่วยให้คุณอ้อสามารถผ่อนคลายตัวเองได้ ฝึกหายใจอย่างถูกต้อง ฝึกรู้เท่าทันความคิดอัตโนมัติด้านลบของตัวเอง ลดความกดดัน บังคับขู่เข็ญตัวเองให้หลับแบบเดิม เปลี่ยนมาฝึกผ่อนคลายและวางใจให้ถูกช่วยให้คุณอ้อ สามารถผ่อนคลายได้และหลับได้ดีขึ้น จนในที่สุดเธอก็สามารถหยุดใช้ยานอนหลับได้
- การเจ็บป่วยและเผชิญปัญหาชีวิตมายาวนาน และปมขัดแย้งภายในใจ ส่งผลให้คุณอ้อมีกำแพงใจที่บดบังปิดกั้นความรู้สึกด้านลบ จนทำให้เธอไม่สามารถสัมผัสความรู้สึกดี ๆ ได้ แม้กระทั่งความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อตัวเองหรือการรักตัวเอง รักผู้อื่น เธอเฉยเมยปนไปด้วยความเจ็บปวดและความรู้สึกด้านลบที่ท่วมท้น ที่เธอเก็บกดเอาไว้มายาวนาน สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน และคอยกระตุ้นอาการของเธอ ความเจ็บปวดและปมในใจของเธอที่เธอกดเอาไว้ เธอเล่าให้จีฟังในหลาย ๆ เรื่องได้ แต่พอทำกระบวนการระบายอารมณ์ความรู้สึก เธออยากร้องไห้ แต่ร้องไม่ออก ไม่สามารถระบายออกได้ รู้สึกอัด อัดอั้นจุกอกอยู่ภายในใจ
- จีพาลงกระบวนการเยียวยาบำบัดจิตใต้สำนึกในตอนแรก ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกด้านลบที่ตกค้างอยู่ภายในใจ หรือ (Trapped Emotion) ที่ฝังลึกในจิตใจเธอได้ จนทำให้จีรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา จึงให้เธอฝึกผ่อนคลายตัวเองได้ในระดับหนึ่ง ฝึกระบายอารมณ์อย่างต่อเนื่องจนในที่สุดเธอก็ร้องไห้ออกมาได้ พร้อมระเบิดอารมณ์ที่เธอเก็บกดสะสมเอาไว้เหล่านั้นออกมาได้มากขึ้น
- จากนั้นจึงพาลงกระบวนการเพื่อไปเยียวยา ปลดปล่อยอารมณ์ด้านลบที่ฝังลึกในจิตใต้สำนึก และปลดล็อกปมปัญหาขัดแย้งภายในใจ เยียวยาเด็กน้อยในตัวเรา รวมทั้งเรียนรู้เรื่องการรักและเมตตาตนเอง จนในที่สุดเธอก็สัมผัสได้ถึงความรักของตัวเอง และสามารถกลับมารักและเมตตาคนในครอบครัว คนรอบตัวและสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างอ่อนโยนและงดงามอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
- คุณอ้อเคยฝึกสติกับนักจิตวิทยา จีจึงจะต่อยอดให้เธอได้ฝึกสมาธิและสติอย่างถูกต้องเหมาะสม แต่เธอมีปมเพราะเคยโดนต่อว่า ว่าเธอทำไม่ได้หรอก เพราะไม่มีบุญ ไม่มีของเก่า เราจึงท้าทายเพื่อให้คุณอ้อปลดล็อกความเชื่อที่จำกัดในเรื่องนี้ และดึงศักยภาพที่แท้จริงของเธอออกมา คุณอ้อฝึกไหว้พระสวดมนต์นั่งสมาธิอย่างต่อเนื่อง และฟังคลิปฝึกเจริญสติของหลวงพ่อปราโมทย์ ปรับใช้ในชีวิตประจำวัน จนเธอสามารถปรับสภาวะจิต สภาวะอารมณ์ของเธอได้อย่างลื่นไหล สอดคล้องกลมกลืนกับธรรมชาติ และเปลี่ยนแปลงชีวิตจิตใจของเธอให้มีความสุขในแบบที่เธอต้องการ
- หลังจากที่คุณอ้อได้เรียนรู้แนวทางการเยียวยาบำบัดโรคซึมเศร้า แบบองค์รวม รวมทั้งได้เยียวยาบำบัดจิตใต้สำนึกเพื่อเคลียร์ Trapped Emotion แล้ว หนึ่งเดือนผ่านไป เธอบอกว่าช่วงนั้นเธอค่อนข้างยุ่ง อาจไม่ได้โทรพูดคุยหรือเยียวยากัน แล้วเธอก็กลับมาสารภาพว่า ที่หายไปพักนึงแค่ต้องการที่จะพิสูจน์ความจริงว่า ถ้าลงมือทำตามกระบวนการทุกอย่างที่ได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เธอมีอาการดีขึ้นและสามารถที่จะพาตัวเองก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายไปได้จริงไหม
- สรุปผลการเยียวยาบำบัดโรคซึมเศร้าเรื้อรัง แบบองค์รวม ช่วยให้คุณอ้อสร้างความเปลี่ยนแปลงชีวิตและจิตใจของเธออย่างที่ไม่คาดคิด เธอมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น มีความสุขกับตัวเองและครอบครัวมากขึ้น รักและเมตตาตัวเองเป็น และรักดูแลครอบครัวได้มากขึ้น ปัญหาความสัมพันธ์ลดลง นอนหลับได้โดยไม่ต้องใช้ยาแล้ว และกำลังจะแพลนปรึกษาคุณหมอเพื่อขอหยุดการใช้ยารักษาแล้ว
ข้อคิดและสิ่งที่ได้เรียนรู้
จีนำข้อความที่คุณอ้อเขียนแชร์สิ่งที่ตัวเองได้ตระหนักรู้ในเรื่องที่สำคัญ เรื่องที่อาจเคยมองข้ามหรืออาจไม่เคยรู้มาก่อน และประโยชน์ของการที่ได้มาเรียนรู้การเยียวยาและพัฒนาตัวเองไปด้วยกัน ใน คอร์สเยียวยารักษาใจและพัฒนาคุณภาพชีวิต อย่างต่อเนื่องมาสามเดือน เพื่อส่งต่อประโยชน์และส่งต่อแรงบันดาลใจให้เพื่อน ๆ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่กำลังรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังกับการรักษา เนื่องจากอาจเจ็บป่วยและรักษาด้วยยามายาวนาน
หลังจากที่อ้อได้บำบัดจิตใต้สำนึกกับคุณจี ทำให้อ้อได้ค้นพบปมในใจที่ติดตัวมาอย่างยาวนาน โดยที่อ้อเองก็ไม่รู้มาก่อนว่าปมพวกนี้ที่มีมาตั้งแต่เด็ก มันจะเหนียวแน่นอยู่ในจิตใจของเรา จนก่อให้เกิดโรคซึมเศร้าที่รักษามาอย่างยาวนาน 8 ปี ก็ไม่หาย แต่พอได้ขุดเรากถอนโคนปมพวกนี้ออกจากใจ ทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างที่ตัวเองก็คาดไม่ถึงกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
สิ่งที่ทำให้อ้อได้เรียนรู้จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น
1. การรักตัวเอง ก่อนป่วยก็ไม่ได้ตระหนักเรื่องนี้ ยิ่งพอป่วยยิ่งไม่สนใจ แต่พอคุณจีสอนว่าเราต้องรักตัวเอง เยียวยาเด็กน้อยที่อยู่ในใจของเรา ทำให้ชีวิตเหมือนได้รับการเติมเต็ม มีความสุขแม้ต้องอยู่คนเดียว ทำกิจกรรมต่าง ๆ คนเดียว ไม่ต้องพึ่งพาความรู้สึกรักจากใคร มีชีวิตที่สงบสุขด้วยตัวเอง
2. ความมีเมตตา สามารถเมตตากับผู้คนรอบข้างกับสัตว์ต่าง ๆ ที่พอมันรู้ว่าเราเมตตามันจะเข้าหาเรา ตัวอย่างคือ ที่บ้านมีหมาจรจัดอยู่ 1 ตัว น้าเป็นคนเก็บมาเลี้ยงและดูแลจนมันมีลูกอยู่ที่บ้านมา จะ 3 ปี ไม่ยอมให้ใครจับ มันให้อ้อจับคนเดียว
3. การให้อภัย เวลาโกรธ หรือใครทำให้ไม่พอใจ อ้อจะให้อภัยคนคนนั้น โดยจะไม่มีการนินทา ไม่วิจารณ์ ในสถาณการณ์นั้น ๆ แม้คนนั้นจะไม่รู้ว่าอ้อให้อภัยในใจ เพื่อที่จะให้ตัวเองออกจากสถาณการณ์นั้นให้เร็วที่สุด ไม่ใช่เพื่อใครเพื่อตัวของอ้อเอง การให้อภัยคือการปลดปล่อยตัวเองจากเหตุการณ์นั้น ดูเหมือนยาก แต่ถ้าได้ฝึกแล้วจะรู้ทำไม่ยากใคร ๆ ก็ทำได้
4. การเป็นผู้ให้ สำหรับอ้อ การทำอะไรให้ใครโดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นเรื่องที่ดีมาก คุณจี เคยสอนอ้อว่าเวลาทำอาหารให้พี่ให้ทำด้วยใจที่เมตตา อ้อก็ทำทุกวัน
ข้อคิดและสิ่งที่จีได้เรียนรู้ได้อย่างชัดเจนที่จีอยากสรุปให้เพื่อน ๆ ได้มองเห็นถึงความเป็นไปได้ และความมหัศจรรย์ใจที่จีได้รับจากกรณีศึกษาของคุณอ้อรวมทั้งประสบการณ์ที่ผ่านมา ในการเยียวยาบำบัดผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเรื้อรังมามากมาย สิ่งที่จะช่วยให้เราสามารถก้าวข้ามผ่านโรคซึมเศร้าที่เป็นอยู่ไปได้ คนสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้เราหายป่วยไม่ใช่ใคร แต่เป็นตัวเราเอง หากเราเปิดใจเรียนรู้ทำความเข้าใจ เพื่อตระหนักรู้ในโรคซึมเศร้า เข้าใจตัวเองและสิ่งที่เรากำลังเผชิญ เลือกการรักษาและการเยียวยาบำบัดที่ตอบโจทย์โรคซึมเศร้าที่เหมาะสมกับเรา มันจะช่วยเยียวยาแก้ไขได้ถูกจุด สิ่งสำคัญคือ การให้ความร่วมมือในการรักษาบำบัด ลงมือสร้างความเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ร่างกายจิตใจเราเขาเยียวยาตัวเองได้ดีขึ้น สิ่งสำคัญเหล่านี้จะช่วยให้เราก้าวข้ามผ่านโรคซึมเศร้าไปได้ง่ายขึ้น แบบไม่หลงทางหรือเสียเวลาในการรักษายาวนานเกินไป
ขอขอบคุณคุณอ้อที่อนุญาตให้แชร์เรื่องราวและประสบการณ์ของตัวเอง เพื่อเป็นกรณีศึกษาและเป็นประโยชน์ เป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อน ๆ ที่กำลังรู้สึกทุกข์ทรมาน รู้สึกสิ้นหวังกับการรักษาด้วยยา เพื่อจะได้มองเห็นแนวทางในการก้าวข้ามผ่านโรคซึมเศร้าไปได้ง่ายขึ้น ขอบคุณที่ไว้วางใจและอนุญาตให้จีได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสนับสนุน ดูแลเยียวยาและเป็นเพื่อนร่วมทางในประสบการณ์ที่งดงามครั้งนี้ และขอชื่นชมจากหัวใจในความเข้มแข็ง มุ่งมั่นตั้งใจลงมือทำตามแนวทางเยียวยาดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอบคุณในความกล้าหาญ เต็มใจเปิดเผยชื่อและข้อมูลต่าง ๆ จากหัวใจ เพื่อส่งกำลังใจและแรงบันดาลใจให้เพื่อนผู้ป่วย รวมทั้งพลังดี ๆ ที่ส่งกลับมาถึงจีเสมอด้วยเช่นกัน
ถ้าหากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ทนทุกข์ทรมานป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และรักษาด้วยยามายาวนานแล้วไม่หายเสียที หรือเพิ่งป่วยและไม่อยากเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาเกินจำเป็น เพราะขาดความรู้ความเข้าใจในโรคและการรักษาบำบัด ต้องการแนวทางที่ได้ผลดีจริง การเยียวยาบำบัดโรคซึมเศร้า แบบองค์รวม เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยให้คุณก้าวข้ามผ่านมันไปได้ง่ายขึ้น
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม : การเยียวยาบำบัดโรคซึมเศร้า/โรคจิตเวช แบบองค์รวม
