หลายคนไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีความเพอร์เฟกชันนิสต์ (Perfectionist) หรือรักความสมบูรณ์แบบ ซึ่งมันอาจจะเป็นผลมาจากการเลี้ยงดูในวัยเด็กที่เกิดจากครอบครัว การเรียนรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาหล่อหลอมให้เราเป็นเราในทุกวันนี้จนเคยชินกับการใช้ชีวิตในแบบที่เราเป็น บ่อยครั้งที่พบเจอคนที่มีบุคลิกภาพเพอร์เฟกชันนิสต์ (Perfectionist) ที่มีปัญหาชีวิตติดขัด ไม่มีความสุขกับชีวิตหรือแม้กระทั่งป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ไบโพลาร์และโรคจิตเวชอื่น ๆ รวมถึงความเจ็บป่วยด้วยโรคทางกายด้วย จีเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยรู้ตัวและก็รู้ตัวอีกทีเมื่อได้รับผลกระทบที่รุนแรงและเกิดความเจ็บป่วยทางใจไปแล้ว หากคุณอยากรู้ว่าตัวเองเข้าข่ายมีบุคลิกภาพแบบนี้ไหม ลองเช็คตัวเองจาก 9 สัญญาณ ของการเป็นเพอร์เฟกชันนิสต์ (Perfectionist) กันดูนะคะ
9 สัญญาณ ของการเป็นเพอร์เฟกชันนิสต์ (Perfectionist)
จีรวบรวมข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญและจากประสบการณ์ตรงของตัวเองมาให้เพื่อน ๆ ลองเช็คตัวเองกันค่ะ
1. มองทุกอย่างสุดโต่ง ไม่มีตรงกลาง ไม่ยืดหยุ่น
มุมมองหรือรูปแบบทางความคิดของคนที่เป็นเพอร์เฟกชันนิสต์นั้นมักจะมีมุมมองที่สุดโต่ง ยึดติดและไม่ยืดหยุ่น หรือมีรูปแบบทางความคิดแบบแยกขั้ว (Polarized Thinking/ Black and White Thinking) เป็นรูปแบบความคิดที่สุดขั้วในด้านด้านหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถมองอะไรให้เป็นกลาง ๆ ได้ คิดว่าในโลกนี้ถ้าไม่ขาว มันก็ต้องดำ ถ้าไม่เป็นบวกก็เป็นลบไปหมด โดยลืมนึกไปว่ามันยังมีตรงกลาง เช่น “ถ้าไม่ชนะ ฉันก็คือผู้แพ้” “ถ้าทำได้ไม่สมบูรณ์แบบ ก็อย่าทำเสียดีกว่า” “ถ้าไม่รักฉันที่สุดในโลก ก็อย่ามายุ่งเกี่ยวกับฉัน” เป็นต้น
2. มีมาตรฐานของตัวเองสูงและมักจะประเมินตัวเองต่ำ
คนที่รักความสมบูรณ์แบบมักจะมีมาตรฐานในตัวเองสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การทำงาน การใช้ชีวิตมันจะต้องเป็นไปในแบบที่ตัวเองกำหนดไว้ หากไม่เป็นเช่นนั้นก็จะรู้สึกขัดใจ ไม่สบายใจ หรือไม่พอใจกับสิ่งที่มันเป็นไปแล้วพยายามที่จะแก้ไขปรับปรุง เพราะถ้ามันไม่เป็นดั่งที่คาดหวังไว้ก็จะรู้สึกไม่ดีกับตัวเองหรือรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ อาจจะทำให้รู้สึกเครียด กังวลและผิดหวังในตัวเองเลยก็เป็นได้ และที่ร้ายไปกว่านั้นความมีมาตรฐานสูงของเขามันพาลไปส่งผลกระทบต่อคนรอบตัวด้วยได้ด้วย เพราะคุณมีความเชื่อว่าต้องทำให้ดีที่สุดเสมอและคิดว่าคนอื่นต้องทำเช่นนั้นด้วย
3. มีคาดหวังสูงมาก กดดันตัวเองเก่ง มักตำหนิและโทษตัวเองเสมอ
บ่อยครั้งที่พบว่าคนที่มีความ เพอร์เฟกชันนิสต์ (Perfectionist) มักจะผิดหวังในตัวเองอยู่บ่อย ๆ มีความเครียดได้ง่ายและกังวลใจอยู่เสมอ เพราะทุกครั้งที่เขามีเป้าหมายมันจะมีความคาดหวังที่สูงเสมอและดูเหมือนว่าความคาดหวังนั้นมันจะสูงแบบอัตโนมัติโดยที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวก็เป็นได้ เมื่อมีมาตรฐานสูง มีความคาดหวังสูง ความรู้สึกกดดันในตัวเองก็สูงตามไปด้วย และเมื่อมันไม่เป็นดั่งใจหวังความผิดหวังก็จะรุนแรงตามมาด้วยเช่นกัน
4. ยึดติดกับสิ่งที่ทำพลาด ไม่อาจปล่อยวางได้ง่าย
ในเวลาที่คุณทำตามเป้าหมายได้สำเร็จแล้ว แทนที่คุณจะโฟกัสไปกับความสำเร็จและชื่นชมกับมัน แต่คุณกลับจดจ่อกับสิ่งที่คุณทำพลาดแม้มันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม แต่คุณก็ไม่อาจปล่อยวางมันได้ง่าย ๆ
5. ทำงานไม่เสร็จสักที เพราะคิดว่ามันน่าจะดีกว่านี้ได้อีก
คุณมักจะมีปัญหาในการทำงานหรือทำโปรเจ็กต์ให้เสร็จ แต่มักจะไม่เสร็จสักที เพราะคุณคิดว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่คุณสามารถทำได้เพื่อทำให้มันดีขึ้นไปอีก คุณจะหมกมุ่นอยู่กับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงทำให้งานนั้นล่าช้า เพราะคุณต้องการให้แน่ใจว่างานของคุณจะออกมาดีที่สุดก่อนที่จะเปิดเผย
6. หลีกหนีสถานการณ์ที่มีแนวโน้มว่ามันต้องแย่แน่ ๆ
คุณมักจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือหลีกเลี่ยงการทำบางสิ่งบางอย่างที่คุณคิดว่าตัวเองไม่เก่ง คุณจึงไม่อยากทำมันและคิดว่าถ้าทำแล้วมันจะออกมาไม่ดีแล้วจะต้องทำให้คุณรู้สึกแย่แน่ ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นเพราะคุณกลัวความล้มเหลวหรือกลัวว่ามันจะออกมาไม่เพอร์เฟกต์ ซึ่งมาจากรูปแบบความคิด All-or-nothing เป็นความคิดแบบสุดโต่ง คือถ้าทำแล้วต้องดีที่สุด ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำมันเลยจะดีกว่า
7. ไม่ไว้วางใจคนอื่นให้ทำงานแทน
คุณมักจะชอบทำงานทุกอย่างด้วยตัวเองมากกว่าแบ่งงานให้ผู้อื่นทำเพราะธรรมชาติของคนเพอร์เฟกชันนิสต์มักชอบควบคุม ทั้ง ๆ ที่งานบางอย่างสามารถที่จะมอบหมายให้คนอื่นทำได้ไม่ยาก แต่เพราะคุณอยากให้มันสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีและเป็นไปในแบบที่คุณต้องการแล้วก็คิดว่าคนอื่นอาจจะทำไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งบ่อยครั้งมันก็ทำให้คุณเหนื่อยกว่าคนอื่นหลายเท่า
8. ความมั่นใจในตัวเองขึ้นอยู่กับคนอื่นหรือสิ่งต่าง ๆ
ความมั่นใจในตนเองของคุณขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณทำสำเร็จและวิธีที่คนอื่นโต้ตอบกับคุณ คุณมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศและต้องการการตรวจสอบจากผู้อื่นเพื่อให้รู้สึกดีกับความสำเร็จของคุณ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคุณบรรลุเป้าหมายแล้ว คุณจะไปยังเป้าหมายต่อไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้าหากคิดดี ๆ มันก็เหมือนกับการที่คุณต้องการการยอมรับจากผู้อื่น แต่มองข้ามไปว่าคนสำคัญที่สุดซึ่งคุณเองต้องการการยอมรับและหรือชื่นชม นั่นคือ ตัวคุณเอง
9. ทุ่มเทเวลาเพื่อให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด
การทุ่มเทเวลาในการทำงานหรือทำสิ่งต่าง ๆ อย่างตั้งใจเป็นเรื่องที่ดี แสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ แต่ถ้าหากมันมากเกินไปจนไม่มีเวลาที่จะดูแลใส่ใจตัวเองหรือคนในครอบครัวนั้นมันก็ส่งผลเสียได้หลายอย่าง บ่อยครั้งที่คุณอาจจะสังเกตเห็นคนที่มีความเป็นเพอร์เฟกชันนิสต์มุ่งมั่นกับการทำงาน จนอาจเรียกได้ว่าเป็นพวก “บ้างาน” จนส่งผลต่อสุขภาพกายใจและความสัมพันธ์ รวมทั้งสูญเสียสมดุลชีวิตจนเกิดความเจ็บป่วย โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพจิตที่เชื่อมโยงกับงานวิจัยว่าคนที่มีความเพอร์เฟกชันนิสต์หรือรักความสมบูรณ์แบบมักเชื่อมโยงกับภาวะซึมเศร้า ซึ่งจีเองก็เป็นคนหนึ่งในนั้น
การเป็นคนที่เพอร์เฟกชันนิสต์นั้นมีข้อดีที่จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้ทำงานหรือสิ่งต่าง ๆ ได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีและมีมาตรฐานที่ดีเยี่ยม แต่ถ้าหากมีมากเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อตัวเองและผู้อื่น ดังนั้นหากใครเข้าข่ายมีบุคลิกภาพแบบนี้ ก็ควรปรับสมดุลทางความคิด สมดุลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของตัวเอง อะไรที่มากเกินไปก็ควรที่จะปรับเปลี่ยนและพัฒนาตนเองเพื่อที่คุณจะได้เป็นเพอร์เฟกชันนิสต์ที่มีความสุขและความสำเร็จได้ในแบบที่คุณคู่ควรนะคะ
จีหวังว่าบทความ 9 สัญญาณ ของการเป็นเพอร์เฟกชันนิสต์ (Perfectionist) จะช่วยให้คุณได้ตระหนักรู้และเข้าใจในตนเองและผู้อื่นมากขึ้น บุคลิกภาพสามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้เสมอ หากคุณพบว่าตัวเองมีบุคลิกภาพเพอร์เฟกชันนิสต์แล้วมันสร้างปัญหาในชีวิตจนทำให้คุณไม่มีความสุข ก็ควรหันกลับมาปรับสมดุลชีวิตและจิตใจตัวเองใหม่นะคะ
อ้างอิงข้อมูล : Psychology Today
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม : 12 รูปแบบทางความคิด ที่ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข