คุณรู้หรือไม่ว่า “คำพูด” ของคนเรานั้นมีพลัง? เมื่อก่อนจีไม่เคยรู้เลยว่า “คำพูด” ของคนเรานั้นมีพลังมากแค่ไหน หลังจากจีพยายามค้นหาข้อมูลที่จะหาวิธีรับมือและจัดการกับโรคซึมเศร้าและพัฒนาตัวเองจีได้พบข้อมูลเกี่ยวกับกฎแรงดึงดูดและจิตใต้สำนึก ซึ่งมันทำให้จีได้ตระหนักรู้ถึง “พลังแห่งคำพูด”และเลือกที่จะคิด พูดและทำในสิ่งดี ๆ ที่ช่วยสร้างพลังบวกทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น ซึ่งมันเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญช่วยให้จีสามารถก้าวข้ามผ่านโรคซึมเศร้าและประสบความสำเร็จในสิ่งที่จีได้ทำมาจีขอชวนเพื่อนๆมาตระหนักรู้ถึง”พลังแห่งคำพูด”เพราะคำพูดมีพลังมากกว่าที่เราคิดและสามารถที่จะช่วยเปลี่ยนชีวิตเราให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้
“ก่อนพูดเราเป็นนายของคำพูด เมื่อพูดไปแล้วคำพูดจะเป็นนายของเรา”
จาก Audio Book เรื่อง “พลังแห่งคำพูด” ที่จีได้ฟังและนำไปปรับใช้กับตัวเองจนได้ผลดีนั้น ได้บอกไว้ว่าคำพูดของคนเราเต็มไปด้วยพลัง พลังที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เท่าที่จะเป็นไปได้หรือไม่ก็ปิดประตูแห่งโอกาสแห่งนั้น พลังที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีหรือไม่ก็ทำลายมันลง พลังที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกดีขึ้นหรือไม่ก็แย่ลงนักจิตวิทยาพบว่า “จิตใต้สำนึก” ของคนเรามันจะตีความคำพูดของเราที่มันได้ยินไปในทางที่เชื่อว่ามันคือความจริงคำพูดที่หลุดจากปากเรามักจะก่อให้เกิดความเป็นจริงไปตามนั้น
ส่วนใหญ่คนเรานั้นมักจะเผลอทำลายความสำเร็จของตัวเองโดยง่าย ด้วยการใช้ภาษาที่บ่อนทำลายความคิดของตัวเอง ส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต อะไรก็ตามที่เราพูดนั้นจะชักนำจิตใจและร่างกายของเรา รวมทั้งสภาพแวดล้อมให้ติดตามเราอย่างหนีไม่พ้น แต่ถ้าหากเราใช้ภาษาที่เป็นบวกเกี่ยวกับตัวเราเอง และใช้ความสามารถในการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพื่อที่จะมุ่งไปสู่ความสำเร็จและจัดการกับความกดดันภายในจิตใจเราเองได้ เมื่อนั้นสิ่งรอบกายภายนอกก็มีแนวโน้มที่จะเป็นไปตามนั้นด้วย
ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากเราเอาแต่พูดซ้ำ ๆ ว่าตัวเองไร้ความสามารถหรือไร้ซึ่งความหวังใด ๆ และยังคงเก็บความรู้สึกกังวลนั้นไว้ มันก็จะค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเป็นความจริงในชีวิตเรา คำพูดจะสะท้อนโลกภายในหรือตัวตนของคนพูด เราควรใช้คำพูดของเราโดยเจตนามากขึ้นด้วยการฝึกคิดบวก เพื่อที่จะทำให้เราคัดสรรความคิดและคำพูดที่สร้างพลังดี ๆ ที่จะช่วยให้เราพัฒนาพลังความสามารถของตัวเองให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ และถอยให้ห่างจากสิ่งที่เราไม่ต้องการด้วย 5 วิธี ดังนี้
1. พูดแต่สิ่งที่เป็นไปได้ให้กับชีวิตคุณ
ด้วยการเพ่งเป้าไปเฉพาะแต่สิ่งที่คุณต้องการและโอกาสที่เป็นไปได้เท่านั้น แทนที่จะมัวไปสนใจกับสิ่งที่เป็นแง่ลบ หรือสถานการณ์ที่ทำให้คุณไม่มีความสุขตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการเวลาที่มากกว่านี้ ก็ให้พูดถึงแต่สิ่งสำคัญเท่านั้น แต่อย่าไปใส่ใจว่าคุณจะยุ่งมากแค่ไหน คุณแค่คิดและพูดแต่เรื่องสำคัญๆเท่านั้น แล้วทำไปตามนั้นก็พอ
หรือถ้าต้องการความสำเร็จที่มากขึ้น ให้พูดในสิ่งที่สร้างสรรค์ แรงบันดาลใจหรืออะไรที่คุณทำได้บ้างในแต่ละวัน ไม่ใช่พูดถึงแต่ปัญหาหรืออุปสรรค หรือต้องการเป็นคนมีพลังมากกว่านี้ หรือสามารถโน้มน้าวคนได้มากกว่านี้ ก็ให้พูดแต่สิ่งเฉพาะพลังใดๆ ที่คุณมีมันอยู่แล้ว แม้ว่าตอนนี้มันจะเล็กน้อย แต่ถ้าคุณใส่ใจมันมากขึ้น มันจะขยายใหญ่ขึ้นในที่สุดโดยไม่ต้องไปสนใจว่าจะมีใครเข้าใจหรือสนใจ
2. จงอย่า “พยายาม” ที่จะทำอะไรบางอย่าง
พลังที่แท้จริงเกิดจากความเด็ดเดี่ยวและมั่นคงในการแสดงถึง สิ่งที่เราต้องการจริงๆและต้องการจะทำให้สำเร็จให้ได้เพราะคำพูดว่า “ฉันจะพยายาม” มันจะทำให้เราลังเล ไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ได้ ดังนั้นขอให้เปลี่ยนเป็นคำว่า “ฉันจะทำ” ซึ่งหมายถึงการใส่ความรู้สึกที่ว่าฉันจะทำให้ได้ลงไปให้มาก จงพูดด้วยความมั่นใจว่าเราจะทำได้ มันจะทำให้พลังงานในตัวเรา พุ่งสูงขึ้นไปด้วย แล้วอะไรก็ตามที่คุณต้องการนั้น ความสำเร็จนั้นจะรอคุณอยู่ข้างหน้าแล้วอย่างแน่นอน
3. อย่าพูดคำว่า “เป็นไปไม่ได้” หรือ “ไม่มีทาง”
การพูดคำว่า “เป็นไปไม่ได้ “ หรือ “ไม่มีทาง” มันเป็นการสร้างขีดจำกัดให้กับตัวเราเอง หลายครั้งที่เราทำอะไรไม่สำเร็จ หรือรู้สึกว่าชีวิตติดขัด อาจจะเป็นเพราะว่าเรามีความเชื่อที่จำกัดในตัวของเราเอง ทั้งๆที่จริงๆแล้ว เรามีความสามารถหรือศักยภาพมากกว่าที่เราคิด เพียงแต่เราไม่ได้ดึงมันออกมาใช้อย่างเต็มที่ เพราะหลงไปเชื่อว่า ตัวเองไม่ดีพอเท่านั้นเอง และการพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ทำให้คุณหยุดที่จะใช้ความสามารถ ของตัวเองอย่างถึงที่สุด สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ จึงกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
4. ไม่จำเป็นต้องขอโทษหากคุณมีความคิดเห็นไม่เหมือนใคร
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณจะพูดหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษใครก่อน เพราะมันจะทำให้คำพูดที่เหลือของคุณดูไม่น่าเชื่อถือหรือไม่มั่นใจว่ามันจะจริงหรือไม่จริงนั่นเอง ตัวอย่างเช่นการพูดว่า “ฉันรู้ ว่าความคิดของฉันมันอาจจะผิด แต่…” หรือคำพูดที่ว่า “ฉันขอโทษนะ ถ้าฉันจะไม่เห็นด้วย แต่ฉันคิดว่า…” คุณสามารถแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ควรทำให้คำพูดของคุณ ขัดแย้งกันเองในประโยคเดียวกัน เพราะนอกจากจะทำให้ผู้ฟังไม่มั่นใจว่าคุณคิดอย่างไรกันแน่แล้ว มันยังจะทำให้ตัวคุณเองไม่มั่นใจในความคิดของคุณด้วย
5. อย่าปล่อยให้ใครตราหน้าคุณได้และอย่าตราหน้าตัวเอง
เพราะมันจะจำกัดความเชื่อคุณไว้แค่นั้น เช่น ถ้ามีใครมาบอกคุณว่า เขาคิดว่าคุณเป็นคนขี้เกียจแล้วคุณก็เชื่อไปตามนั่น ปล่อยให้เขาตราหน้าคุณ แล้วคุณก็ทำตัวขี้เกียจไปตามนั้น คุณคงไม่ต้องการเป็นแน่ หรือการที่ครั้งหนึ่งคุณเคยล้มเหลวเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็ไม่ควรตราหน้าตัวเอง ว่าเป็นพวกขี้แพ้ หรือพวกล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะเรายังมีโอกาสแก้ตัวได้เสมอ คุณยังมีโอกาสอื่นๆ ที่จะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จได้
ถ้าเพียงแต่คุณเรียนรู้จากประสบการณ์ความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น และแก้ไขมันให้ดีขึ้นใหม่ แต่ถ้าคุณยังจมอยู่กับการตราหน้าที่คุณแปะไว้ ที่หน้าผากตัวเอง หรือใครก็ตามที่นำมันมาแปะไว้กับคุณ โดยคุณไม่ยอมแกะมันทิ้งแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าคุณก็จะเป็นได้เพียงแค่นั้น แกะมันออกซะ คุณมีดีมากกว่านั้น และคุณเป็นได้มากว่านั้นอีกมาก เพียงแต่คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองโดยไม่ปล่อยคำพูดในแง่ลบใดๆ มาทำให้ใจคุณหวั่นไหวไปกับมัน
ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบใช้คำพูดในแง่ลบ ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นได้เวลาที่คุณจะต้องฝึกฝนในการพูดแง่บวกกันแล้วค่ะ แล้วคุณจะพบว่ามันสร้างพลังให้กับตัวคุณเองมากแค่ไหน ตัวอย่างคำพูดดีๆที่เราควรพูดกับตัวเองและผู้อื่นบ่อยๆ เช่น
ฉันทำได้ หลายครั้งในชีวิตที่เราไม่กล้าทำอะไรใหม่ๆ นั่นก็เพราะเรากลัวความล้มเหลว กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะ หรือกลัวว่าใครจะพูดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับเรา
ความเป็นจริงก็คือ ไม่ว่าเราจะทำหรือไม่ทำอะไร ผู้คนก็สามารถที่จะวิจารณ์เราในแง่ร้ายได้ทั้งนั้น นั่นเป็นเพราะคำพูดเหล่านั้น มันมาจากความคิดความเชื่อและประสบการณ์ของคนพูด และถ้าใครมาบอกว่าคุณทำไม่ได้หรอก เขาลองมาแล้ว นั่นก็เป็นแค่ประสบการณ์ของเขาหรือต่อให้คุณเคยทำมาแล้ว มันก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำไม่ได้
ความสำเร็จในชีวิต ไม่ใช่ว่าเราจะต้องประสบความสำเร็จทุกคร้้ง แต่มันหมายถึง การไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและปัญหา แต่มันคือการล้มแล้วลุกขึ้นมาทำใหม่อีกครั้งจนกว่าจะสำเร็จ เพราะคุณเชื่อแล้ว ว่าคุณจะทำมันให้ได้
ขอบคุณ เป็นคำที่แสดงถึงว่าเราตระหนักรู้ถึงความมีน้ำใจ ที่คนอื่นมีต่อเรา ความเมตตา ความเอื้ออารีย์ที่เขามีต่อเรา คือสิ่งที่เรารับรู้ คือสิ่งที่เราซาบซึ้งใจ และมันคือคำที่ทำให้ ผู้พูดกลายเป็นคนอ่อนน้อมน่ารักและทำให้ผู้ฟังก็รู้สึกยินดีและยินดีที่จะให้มากขึ้นไปอีก มันเป็นคำสั้นๆที่มีพลังแฝงมากมายยิ่งเราฝึกฝน เราก็จะยิ่งมองเห็นน้ำใจของผู้คนมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเราได้รู้ถึง “พลังแห่งคำพูด” กันไปแล้วว่านอกจากมันจะส่งผลกระทบต่อตัวเราเองแล้ว ยังส่งผลต่อผู้อื่นและสิ่งต่าง ๆ รอบตัวด้วย ดังนั้นเราควรตระหนักรู้และคัดสรรคำพูดของเรา โดยการเลือกคิด พูดและทำในสิ่งดี ๆ ที่เป็นพลังบวกแล้วเราจะสามารถเติมพลังดี ๆ ให้กับตัวเราเอง เพื่อที่เราจะได้มีความสุขและประสบความสำเร็จ และไม่ลืมที่จะส่งต่อพลังดี ๆ นี้ให้กับผู้อื่นด้วยค่ะ
ที่มา : Audio Books by JR
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม>>> พัฒนากรอบความคิด (Mindset) เปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเองใหม่

[…] พลังแห่งคำพูด […]
[…] คำพูดก็เป็นพลังงาน ถ้าคุณคิดหรือพูดสิ่งที่ไม่ดีออกไป […]