หลังจากที่จีเขียนบทความ 7 สัญญาณ ที่บ่งบอกว่าคุณ “ไม่รักตัวเอง” หลายคนที่ได้อ่านก็เพิ่งได้ตระหนักรู้ว่าตนเองเป็นคนไม่รักตัวเองหรือรักตัวเองไม่เป็นเช่นกัน แล้วก็ถามจีว่า แล้ว “การรักตัวเอง” ต้องทำยังไง?  จีจึงมาเขียนแชร์บทความนี้เพื่อชวนเพื่อน ๆ มาฝึกรักตัวเองให้เป็น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับคนเราทุกคน เพราะถ้าหากเรารักตัวเองไม่เป็น มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเราเอง นอกจากมันจะทำให้เราไม่มีความสุขในชีวิต มีปัญหาเรื่องความรักความสัมพันธ์และอาจจะส่งผลต่อทุกด้านของชีวิตอีกด้วย โดยเฉพาะคนที่มี Low Self-esteem นอกจากจะรักตัวเองไม่เป็นแล้ว ยังมักจะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าอีกด้วย How To Love Yourself? มาฝึกรักตัวเองให้เป็นกันดีกว่า

“การรักตัวเอง คำ ๆ นี้เป็นเหมือน “ไม้วิเศษ” ที่จะช่วยคลี่คลายปัญหาทุกอย่างให้หมดไป” ลูอิส เฮย์ – (หนังสือชีวิตนี้ลิขิตได้)

อยากฝึกรักตัวเองให้เป็นต้องทำยังไง? How To Love Yourself?

1.หยุดเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น

หากเรายังเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เราก็จะมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง เราจะรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า มองแต่ข้อเสียของตัวเอง หรือรู้สึกขาด ไม่พอใจในตนเอง หยุดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครแล้วหันกลับมาใส่ใจมองให้เห็นข้อดีหรือจุดแข็งของตัวเราเอง เราจะได้ภูมิใจและเห็นคุณค่าในตัวเองจะได้รักตัวเองมากขึ้นนะคะ

2. ทำความรู้จักกับตัวเราเองก่อน

คุณคิดว่าคุณรู้จักตัวเองดีพอหรือยัง? หลายคนรู้จักรู้ใจคนอื่นไปเสียหมด ยกเว้นตัวเอง ไม่เคยรู้ว่าตัวเองชอบอะไร? ต้องการอะไร? ทำอะไรแล้วมีความสุข? ชีวิตนี้ต้องการอะไร? อยากมีชีวิตแบบไหน? นั่นเป็นเพราะเราละเลยและทอดทิ้งตัวเอง

การที่เราไม่เคยทำความรู้จักกับตัวเองอย่างแท้จริง ไม่เข้าใจธรรมชาติของตัวเอง ไม่เข้าใจว่าตัวเองมีบุคลิกภาพแบบไหน? ไม่รู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง และเราอาจจะไม่ชอบตัวเองเพราะจุดอ่อนของเราทำให้เราไม่มีความสุข ไม่เคยเรียนรู้ที่จะฝึกรับมือกับมัน หากคุณลองทำความรู้จักและทำความเข้าใจกับธรรมชาติของตัวเอง คุณจะรักตัวเองในแบบที่เป็นมากขึ้น

อ่านบทความเพิ่มเติม : เรารู้จักตัวเองดีแค่ไหน? มาทำแบบทดสอบบุคลิกภาพ MBTI กัน

3. ยอมรับตัวเองในแบบที่เป็น

คนเราทุกคนล้วนมีคุณค่าในตนเองและเกิดมาพร้อมศักยภาพที่ยอดเยี่ยมไร้ขีดจำกัด นี่คือความจริงที่หลายคนไม่เคยรู้  เราคือประติมากรรมชิ้นเอกของโลก มีหนึ่งเดียวในโลก ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ทุกคนเกิดมามีทั้งข้อดีข้อด้อยในตนเอง หากเราไม่ยอมรับตัวเราเองในแบบที่เป็นแล้วเรียนรู้ที่จะฝึกฝนพัฒนาเพื่อดึงศักยภาพที่ดีออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เราก็จะรู้สึกไม่ดีต่อตนเอง ไม่ชอบตัวเองในแบบที่เป็น และไม่อาจยอมรับตัวเองได้แล้วเราจะรักตัวเองได้อย่างไร?

4. ปลดปล่อยตัวเองจากความรู้สึกผิด หยุดเสพติดความสมบูรณ์แบบ

คุณอาจจะเคยทำในสิ่งผิดพลาดหรือมีความรู้สึกผิดอยู่ภายในใจ ยังคงโทษตัวเอง “ความรู้สึกผิด” สามาถฉุดรั้งชีวิตและทำให้เรารู้สึกไม่ดีต่อตนเอง จงให้อภัยตัวเองและให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้ที่จะไม่ทำผิดพลาดซ้ำอีก หยุดโทษตัวเอง ตำหนิหรือตัดสินตัวเองในแบบเดิมและโอบรับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองเพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ไม่จำเป็นต้องเข้มงวดกับตัวเองเกินไปหรือเสพติดความสมบูรณ์แบบ เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรหรือไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มันเป็นเพียงเงื่อนไขที่คนเราสร้างขึ้นมาเท่านั้น

5. ปรับวิธีคิด พูดและปฏิบัติต่อตนเองใหม่

เคยสังเกตตัวเองไหมว่าบ่อยครั้งเรามักจะเผลอดุ ต่อว่า ตำหนิหรือโทษตัวเองในใจเสมอหรือบางทีก็หลุดพูดออกมา และมักบังคับขู่เข็ญ กดดันตัวเองอยู่เสมอ บางคนอาจไม่เคยสังเกตหรือสังเกตไม่ทันเพราะมันเป็นความคิดอัตโนมัติเราทำแบบนี้จนเคยชิน ลองฝึกสังเกตตัวเราเองใหม่นะคะแล้วเราจะเห็นวิธีคิด พูดและปฏิบัติต่อตัวเราเองแบบไม่น่ารักเลย แต่ทำไมเวลาที่เราพูดและปฏิบัติต่อผู้อื่น เราอ่อนโยน พูดจาดีและทำสิ่งดี ๆ ได้ ลองเปลี่ยนวิธีคิด คิดกับตัวเองในแง่ดีบ้าง พูดในเชิงบวกเพื่อสร้างพลังให้กับตัวเราเอง และปฏิบัติต่อตนเองด้วยความอ่อนโยนและเมตตาตนเองให้มากขึ้นนะคะ

6. ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง

ในบางเวลาที่เรารู้สึกไม่ดี รู้สึกอึดอัด ไม่ชอบบางสิ่งบางอย่าง เราก็มักจะเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองไว้ ไม่กล้าที่จะบอกความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง อาจจะเป็นเพราะกลัวว่าคนอื่นจะรู้สึกไม่ดี หรืออยากให้คนอื่นสบายใจ แต่ตัวเราเองกลับรู้สึกตรงข้าม มันไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลยที่เราจะบอกความรู้สึกที่ไม่ดีของเราในทางที่ดีหรือวิธีที่สุภาพ

และหลายคนไม่อนุญาตให้ตัวเองได้รู้สึกตามความเป็นจริง โดยเฉพาะความรู้สึกในด้านลบ มักจะซ่อนเร้น ปกปิด กลบฝังมันเอาไว้ในใจและไม่ยอมรับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง เช่น ความรู้สึกเศร้า เสียใจ ผิดหวัง เป็นต้น เราก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่สามารถจะร้องไห้ได้ เสียใจเป็น ไม่จำเป็นต้องเก็บกดมันเอาไว้ เพียงแค่เราอนุญาตให้ตัวเองได้รู้สึกตามความเป็นจริง และหาวิธีระบายออกอย่างสร้างสรรค์ ไม่จำเป็นที่ต้องแสดงว่าตัวเองแข็งแกร่งอยู่ตลอดเวลาหรือเจ็บไม่เป็นก็ได้

เพราะการสร้างกำแพงใจเพื่อปกปิดความรู้สึกด้านลบเอาไว้ มันอาจจะช่วยให้คุณรู้ไม่รู้สึกเจ็บปวดจนเกินไป แต่มันก็ปิดกั้นความรักที่คนอื่นมอบให้เรา และความรักที่มีต่อตัวเราเองหรือความรู้สึกดี ๆ ที่ไม่อาจเข้าถึงใจเราได้ ถ้ายิ่งทำเช่นนี้บ่อย ๆ  คุณจะกลายเป็นคนเฉยเมย ไม่อาจรับรู้ความรู้สึกดี ๆ ที่เรามีให้ต่อตัวเราเองและผู้อื่นมีให้กับเราได้เช่นกัน

7. รู้จักปฏิเสธให้เป็น

ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อคนอื่นโดยที่มันไม่ถูกต้อง ทำให้ตัวเองต้องเดือนร้อน หรือเป็นการช่วยเหลือในทางที่ผิด หากมองดูแล้วสิ่งนั้นมันไม่ใช่หรือทำให้เราต้องฝืนใจ ก็ไม่จำเป็นต้องทำ การรู้จักปฏิเสธ เป็นการให้เกียรติตัวเราเอง

8. ฝึกเติมเต็มตัวเอง

อย่ามัวแต่แคร์ความรู้สึกคนอื่น ห่วงคนอื่นจนลืมห่วงใยและเติมเต็มตัวเอง หากิจกรรมที่จะช่วยให้ตัวเองมีความสุข ดีต่อใจ และไม่เดือดร้อนตัวเอง เช่น พาตัวเองไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง ทำกิจกรรมผ่อนคลาย วาดรูป ระบายสี ฟังเพลงผ่อนคลาย หรือกิจกรรมที่ตัวเองชอบ จะได้ไม่รู้สึกขาดหรือหมดพลังได้ แล้วเราจะได้มีพลังในการดูแลช่วยเหลือและแบ่งปันสิ่งดี ๆ เพื่อคนอื่นได้มากขึ้น

9. บันทึกความสำเร็จของตัวเอง 

บ่อยครั้งที่เรามักจะโฟกัสไปกับข้อเสียของตัวเอง สิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาด ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกไม่ดีต่อตัวเราเอง และทำให้เราหมดพลัง ลองเปลี่ยนโฟกัสมามองสิ่งที่เราทำสำเร็จในแต่ละวันแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม เขียนบันทึกความสำเร็จของตัวเองอย่างน้อยสัก 5 ข้อในทุก ๆ วัน และหลับตาจินตนาการนึกถึงเหตุการณ์ที่เราเคยมีความสุข ความภูมิใจในตนเองที่ผ่านมา รับรู้ถึงความรู้สึกดี ๆ นั้น

10. เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และพัฒนาตนเอง

เรียนรู้ที่จะทำกิจกรรมใหม่ ๆ ที่ท้าทายเพื่อพาตัวเองออกจากคอมฟอร์ทโซน และเรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเอง มันจะช่วยสร้างความมั่นใจในตนเองและช่วยให้เรารู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น  

11. ฝึกขอบคุณ ชื่นชมและให้รางวัลตัวเองบ้าง 

ขอบคุณตัวเอง  ขอบคุณร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณของตัวเอง ขอบคุณผู้คน สิ่งต่าง ๆ รอบตัวและสิ่งที่เรามีสิ่งที่เราเป็น เพื่อให้เราจดจ่ออยู่กับสิ่งดีงามและสร้างพลังบวกให้กับตัวเราเอง และไม่ลืมที่ชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่ตัวเองทำและให้รางวัลตัวเองบ้าง ฉลองความสำเร็จเล็ก ๆ อยู่เสมอ เพื่อเติมเต็มกำลังใจตัวเอง

12. สร้างสมดุลชีวิตจิตใจ

อย่ามัวใช้ชีวิตที่สุดโต่งจนขาดสมดุล ฝึกดูแลชีวิตและจิตใจตัวเองให้สมดุล อ่อนโยนและเมตตาตัวเองให้มากขึ้น  แบ่งเวลาให้ร่างกายและจิตใจตัวเองได้พัก ผ่อนคลายตัวเอง มีเวลาอยู่คนเดียวตามลำพังเพื่อทบทวนตัวเอง สื่อสารเชื่อมโยงกับตัวเองเพื่อรับรู้ความรู้สึกนึกคิดหรือความต้องการของตัวเอง  ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ นอนให้มีคุณภาพ รับมือและจัดการกับความเครียดความกังวลของตัวเองให้ดีขึ้น

13. เลือกคบคนที่ดีและเห็นคุณค่าของเรา

เลือกคบเพื่อนหรือคนที่เขาปฏิบัติต่อเราด้วยความเมตตาและให้เกียรติ คนที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยจะสะท้อนถึงความรู้สึกของเราที่มีต่อตัวเอง

14. ใช้ชีวิตให้มีความสุขอยู่กับปัจจุบัน

อย่ามัวปล่อยใจให้ทุกข์ไปกับอดีตที่ผ่านมาแล้ว กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว หรือกังวลไปไกลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง จงเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุขกับปัจจุบัน

15. ขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น

ในช่วงเวลาที่เราไม่สามารถรับมือหรือจัดการกับสิ่งที่เราต้องเผชิญหรือเกิดความเจ็บป่วยทางใจ การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นไม่ได้หมายถึงว่าเราอ่อนแอ เพราะคนเราทุกคนอาจต้องการความช่วยเหลือในบางครั้ง ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร อย่ารู้สึกผิดหรือเกรงใจหากเราต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ

แนวทางการฝึกรักตัวเองให้เป็น How To Love Yourself? ที่จีได้เรียนรู้ที่จะฝึกรักตัวเองและช่วยให้จีมีความสุขกับตัวเองได้มากขึ้น รวมทั้งยังช่วยพาให้จีก้าวข้ามผ่านปัญหาและอุปสรรคในชีวิตมาได้ เมื่อเรารักตัวเองเป็นแล้วการใช้ชีวิตของเราก็จะง่ายขึ้นและรู้สึกเป็นอิสระมากขึ้นด้วยค่ะ ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ

All Photos by Pixabay.com

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม : 7 สิ่งที่ควรหยุด ถ้าอยากมีความสุขและเป็นตัวของตัวเอง

เพิ่มเพื่อน

1 COMMENT

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here