ยารักษาโรคซึมเศร้ากินแล้วได้ผลดีไหม? เป็นคำถามที่พบบ่อยจากเพื่อนผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ยังรู้สึกลังเล ไม่กล้าตัดสินใจเลือกการรักษาโรคซึมเศร้าด้วยการใช้ยาและผู้ที่ต้องการมองหาการรักษาบำบัดโรคซึมเศร้าทางเลือก เพราะส่วนใหญ่จะได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องยารักษาโรคซึมเศร้าและผลข้างเคียงของยาจึงทำให้รู้สึกว่ากลัวการกินยาหรือไม่อยากใช้ยารักษา และยังมีคำถามอีกมากมายเกี่ยวกับเรื่องยารักษาโรคซึมเศร้า จีจึงเขียนบทความนี้โดยตอบคำถามจากประสบการณ์ของตัวเอง เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ในการตัดสินใจว่าจะเลือกใช้ยารักษาโรคซึมเศร้าหรืออื่น ๆ ที่เหมาะสมกับตัวเราเองนะคะ
ยารักษาโรคซึมเศร้ากินแล้วได้ผลดีไหม?
หากถามว่ายารักษาโรคซึมเศร้ากินแล้วได้ผลดีไหม? คำตอบของจีจากประสบการณ์ที่เคยใช้ยารักษาโรคซึมเศร้ามาก่อนก็คิดว่าได้ผลดีในระดับหนึ่ง เพราะจีได้อ่านข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากทางการแพทย์หรือจากจิตแพทย์ว่ายารักษาโรคซึมเศร้านั้นดียังไง? มีประโยชน์ยังไงบ้าง? ตอนนั้นจีจึงเชื่อว่ากินยารักษาโรคซึมเศร้าแล้วจะหายป่วยได้ แต่ยารักษาโรคซึมเศร้าก็ไม่ได้ตอบโจทย์โรคซึมเศร้าทั้งหมดของจีและเพื่อนผู้ป่วยอีกมากมาย โดยเฉพาะเพื่อนผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่มีปัญหาปมขัดแย้งภายในใจ บาดแผลทางใจหรือมีปัญหาบุคลิกภาพ รวมทั้งปัจจัยและสาเหตุอื่น ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ในส่วนนี้จำเป็นต้องได้รับการทำจิตบำบัดหรือการรักษาบำบัดทางเลือกอื่น ๆ ร่วมด้วยถึงจะหายป่วยได้
กินยารักษาโรคซึมเศร้าแล้วรู้สึกยังไง?
ถ้าเป็นความรู้สึกในช่วงปรับยาหรือเพิ่งเริ่มต้นกินยาใหม่ ๆ ขอตอบตรง ๆ เลย คือ โคตรทุกข์ทรมานเพราะได้รับผลข้างเคียงของยาและใช้เวลาในการที่จะรอให้ยาออกฤทธิ์หรือให้ยาเข้าไปปรับสารเคมีในสมองให้สมดุลขึ้น ต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณสองสัปดาห์ แล้วยิ่งถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจว่ามันเป็นผลข้างเคียงของยาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ป่วยทุกคนที่กินยาแบบนี้ เราก็จะยิ่งรู้สึกกลัว กังวลมากขึ้นไปอีก ซึ่งจีเองเคยใช้ยารักษาโรคซึมเศร้ารุ่นเก่าด้วยผลข้างเคียงนั้นทรมานกว่ายารุ่นใหม่ที่ใช้ในปัจจุบันมากค่ะ แต่หลังจากนั้นอาการข้างเคียงก็ค่อย ๆ ทุเลาลงตามลำดับ ซึ่งมันก็ช่วยควบคุมบรรเทาหรือลดระดับความรุนแรงอาการของโรคซึมเศร้าลงได้
ในกรณีความเจ็บป่วยด้วยโรคซึมเศร้าของจีมีปัจจัยทางด้านจิตใจและจิตสังคมเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงจำเป็นต้องได้รับการทำจิตบำบัดและการบำบัดทางเลือกอื่น ๆ ในช่วงที่กินยาอย่างเดียวก็ยังรู้สึกเศร้า ไม่เป็นตัวของตัวเอง เหมือนมีเมฆหมอกมาปกคลุมสมองและจิตใจ ไม่มีความสุขกับชีวิตอยู่ดี เพราะยาไม่ได้ช่วยปรับความคิดหรือทัศนคติที่บิดเบือนผิดเพี้ยนของเรา
ยารักษาโรคซึมเศร้าสามารถปรับสารเคมีให้สมดุลพอดีเลยหรือไม่?
โรคซึมเศร้าเป็นความเจ็บป่วยทางใจมันจึงแตกต่างจากโรคทางกายและรักษาได้ยากกว่า เพราะเราไม่สามารถมองเห็นความเจ็บป่วยด้วยตาเหมือนโรคทางกายทั่วไป และไม่มีเครื่องมือใด ๆ ที่ใช้วัดค่าสารเคมีในสมองที่เกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้าได้ เพราะฉะนั้นคุณหมอเองก็ไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าสารเคมีในสมองตัวใดลดหรือเพิ่มขึ้นในระดับใด และคุณหมอก็ไม่สามารถที่จะจ่ายยารักษาโรคซึมเศร้าแบบปรับสารเคมีในสมองแต่ละตัวให้สมดุลแบบพอดีเป๊ะเพราะไม่มีเครื่องมือในการวัดค่าสารเคมีในสมอง เหมือนการวัดค่าน้ำตาลของผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือเครื่องวัดความดันโลหิต เป็นต้น สิ่งที่ทำได้คือการพูดคุยสอบถามและประเมินอาการผู้ป่วยจากการสังเกตอาการและการพูดคุยกัน ดังนั้นในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มกินยารักษาโรคซึมเศร้าคุณหมอก็จะนัดพบบ่อยเพื่อประเมินอาการและปรับยาให้เหมาะสมกับเรา
หากเพื่อนผู้ป่วยโรคซึมเศร้าท่านใดที่กำลังเข้ารับการรักษากับจิตแพทย์อยู่แล้วยังไม่ตัดสินใจที่จะใช้ยารักษาโรคซึมเศร้า หรือผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าแล้วเข้าข่ายรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้า แต่ยังไม่ได้เข้ารับการวินิจฉัยหรือเข้ารับการรักษาบำบัดจากจิตแพทย์อย่างถูกต้องเหมาะสมก็ลองพิจารณาดูว่าตัวเราเองนั้นมีอาการของภาวะซึมเศร้าที่เผชิญอยู่มากน้อยแค่ไหน ถ้าหากจะให้จีแนะนำก็ยังคงยืนยันว่าควรไปพบจิตแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการก่อน บางทีเราอาจจะไม่ได้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหรือถ้าหากป่วยจริงก็สามารถที่จะพูดคุยกับจิตแพทย์ถึงแนวทางในการรักษา
บางทีหากอาการเรายังไม่รุนแรงหรือมีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางก็ยังสามารถมองหาแนวทางการรักษาบำบัดโรคซึมเศร้าทางเลือกอื่น ๆ แบบไม่ใช้ยาก็ได้เพราะเรามีสิทธิ์ที่จะเลือกและตัดสินใจว่าจะรับการรักษาบำบัดแบบใด แต่ถ้าหากมีอาการรุนแรงแล้วคุณหมอจ่ายยารักษาโรคซึมเศร้ามาให้แล้ว ก็ขอให้กินยาตามที่คุณหมอแนะนำอย่างต่อเนื่องและควรทำความเข้าใจกับโรคและยารักษาโรคซึมเศร้าเพราะมันแตกต่างจากยารักษาโรคทั่วไป เพื่อที่เราจะสามารถรับมือและก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเจ็บป่วยนี้ไปได้ง่ายขึ้น
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม>>> 7 เคล็ดลับเอาชนะโรคซึมเศร้าด้วยตัวเราเอง
![]() |
|
