คุณรู้หรือไม่ว่าการสวดมนต์นั้นช่วยเยียวยาบำบัดโรคทางกายและทางใจได้? การสวดมนต์หรือสวดบทภาวนาล้วนมีในทุกศาสนาแต่อาจจะแตกต่างกันไป การสวดมนต์นอกจากจะเป็นการสร้างสมาธิแล้วยังสามารถช่วยเยียวยาบำบัดโรคทั้งทางร่างกายและจิตใจเราด้วย หากเราสามารถเลือกการสวดมนต์ด้วยวิธีที่ถูกต้องก็จะได้รับประโยชน์มากมายจากการสวดมนต์ ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยรู้ จีนำประโยชน์ของการสวดมนต์เพื่อเยียวยาบำบัดโรคมาแชร์เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นการแพทย์ทางเลือกหนึ่งและเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สำคัญในการที่จีใช้เยียวยาบำบัดตัวเองในตอนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แล้วก็ยังคงสวดมนต์อยู่เป็นประจำจนถึงทุกวันนี้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายใจที่ดีของตัวเองอีกด้วยค่ะ

หลายคนยังมีมุมมองเรื่องของการสวดมนต์นั้นเป็นเรื่องของศาสนา แต่ในปัจจุบันนี้ “การสวดมนต์” เป็นวิทยาศาสตร์ขั้นสูงและเป็นวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ เพราะมีการนำการสวดมนต์นั้นมาช่วยเยียวยาบำบัดโรคทั้งโรคทางกายและโรคทางใจ ซึ่งถือว่าเป็นศาสตร์การแพทย์อีกทางเลือกหนึ่งโดยไม่ใช้ยาซึ่งได้ผลดีโดยเฉพาะกับผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง การสวดมนต์เยียวยาบำบัดนี้ใช้หลักการ Vibrational Therapy

Vibrational Therapy คืออะไร?

Vibrational Therapy หรือ Vibrational Medicine  คือการรักษาบำบัดทางการแพทย์ทางเลือกหนึ่ง ซึ่งใช้คุณสมบัติของคลื่นเสียงมาเยียวยาบำบัดความเจ็บป่วย ด้วยการใช้หลักการทำให้เกิดคลื่นเสียงที่มีความสม่ำเสมอเข้าไปกระตุ้นร่างกายให้เกิดการเยียวยา โดยการใช้เสียงสวดมนต์ เมื่อเราสวดมนต์หูของเราได้ยินเสียงบทสวดก็จะส่งสัญญาณต่อไปยังศูนย์การได้ยินที่อยู่บริเวณสมองกลีบขมับก่อนแล้วส่งไปยังบริเวณก้านสมอง ซึ่งเมื่อได้รับคลื่นเสียงช้า ๆ และสม่ำเสมอประมาณ  12-15 นาทีก็จะหลั่งสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์มากมาย จึงเกิดกระบวนการเยียวยาปรับสมดุลทั้งร่างกายและจิตใจขึ้น

จากข้อมูลการสวดมนต์บำบัด โดย รศ.ดร.สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี อดีตหัวหน้าภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์และแนวทางของการสวดมนต์บำบัดไว้ดังนี้

ประโยชน์และแนวทางการสวดมนต์บำบัด Vibrational Therapy

1. การสวดมนต์แบบเร็วและดัง เสียงที่สวดนั้นจะเข้าสู่สมองซีกซ้าย ส่งผลให้ได้รับสารแห่งความปีติ ความอิ่มใจ ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย แต่การสวดมนต์แบบนี้จะยังไม่ได้เข้าสู่ในระดับของการเยียวยา

2. การสวดมนต์แบบเสียงแผ่วเบาหรือทุ้มอยู่ในลำคอแบบฟังคนเดียวและสวดแบบช้า ๆ  จะเกิดคลื่นเสียงสั่นสะเทือน (0-25Hz) ซึ่งเสียงจะเข้าสู่หูส่วนกลางและสัญญาณนั้นจะถูกส่งไปสู่ระบบสมองส่วนที่กรองสัญญาณต่อมทาลามัส (Thalamus) แล้วส่งผลต่อสมองส่วนอื่น ๆ ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับการเยียวยาร่างกายและจิตใจเราได้อย่างมากมาย เพราะสัญญาณคลื่นเสียงนี้จะส่งผลต่อไปยังสมองส่วนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Pituitary, Hypothalamus และ Pineal ซึ่งจะช่วยให้เกิดกระบวนการเยียวยาทั้งทางร่างกายและจิตใจ

นอกจากนี้การสวดมนต์ที่ถูกวิธีจะช่วยให้สมองหลั่งสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่สำคัญมีฤทธิ์คล้ายยานอนหลับ ช่วยลดความเครียด ลดอาการซึมเศร้า ลดระดับน้ำตาลในเลือด สารเซโรโทนินยังเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทอื่น ๆ เช่น เมลาโทนิน เป็นต้น และยังเข้าไปลดปริมาณของสารเคมีที่เป็นตัวกระตุ้นของการทำงานของต่อมหมวกไตให้ลดลง ส่งผลให้ระบบประสาทส่วนกลางทำงานน้อยลง ร่างกายจึงรู้สึกผ่อนคลาย ปลอดโปร่ง ภูมิต้านทานเพิ่มขึ้นอีกด้วย และยังช่วยให้หลั่งสารเอนโดฟิน สารแห่งความสุข ช่วยให้เรารู้สึกสงบ ผ่อนคลายและมีความสุข ซึ่งงานวิจัยในต่างประเทศพบว่า การสวดมนต์เยียวยาบำบัดโรคหรืออาการเจ็บป่วยนั้นได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคเครียด หรือแม้แต่โรคซึมเศร้า เป็นต้น

สำหรับเพื่อนผู้ป่วยโรคซึมเศร้าหากใครไม่สามารถฝึกสมาธิในแบบอื่นได้จีขอแนะนำให้ลองสวดมนต์เยียวยาบำบัดโรคซึมเศร้าแบบนี้ดูนะคะ ทำอย่างต่อเนื่องตามแนวทางดังกล่าวจะช่วยให้อาการของโรคซึมเศร้าดีขึ้นได้จริงค่ะ แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและถูกต้องนะคะถึงจะเห็นผลดีค่ะ เพราะจีได้ลองทำด้วยตัวเองและแนะนำเพื่อน ๆ ผู้ป่วยมากมายก็ช่วยเยียวยาบำบัดเห็นผลจริง ๆ ค่ะ แต่ทั้งนี้การสวดมนต์ไม่ใช่วิธีการรักษาโรคต่าง ๆ โดยตรงแต่เป็นศาสตร์การแพทย์ทางเลือกที่สามารถใช้ควบคู่ไปกับการรักษาด้วยยาหรือการรักษาบำบัดทางเลือกอื่น ๆ เพราะแต่ละโรคที่เกิดขึ้นนั้น จำเป็นต้องได้รับการรักษาบำบัดจากผู้เชี่ยวชาญและอาจจะต้องใช้การรักษาบำบัดหลายวิธีจึงจะได้ผลกับผู้ป่วยแต่ละคนที่มีอาการและปัจจัยที่สร้างความเจ็บป่วยที่แตกต่างกันไป บางคนอาจไม่ใช่รักษาวิธีใดวิธีหนึ่งแล้วจะหายป่วยได้

หากคุณอยากมีสุขภาพดีและต้องการสวดมนต์เยียวยาบำบัดโรคทางกายและทางใจตัวเองก็ลองหมั่นฝึกสวดมนต์ในทุก ๆ วัน อย่างน้อยสวดมนต์วันละ 12-15 นาทีด้วยเสียงแผ่วเบาในลำคอและหลับตาสวดนอกจากจะช่วยเยียวยาบำบัดกายใจแล้วยังช่วยเสริมสร้างสารต้านอนุมูลอิสระได้อีกด้วยค่ะ

อ้างอิงข้อมูล : Rama Chanel, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.)

All Photos by Pixabay.com

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม :

สติบำบัดโรคซึมเศร้า

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here