หลังจากที่จีเขียนและแชร์บทความ INFJ บุคลิกภาพที่หายากที่สุดในโลก แล้วพบว่ามีเพื่อน ๆ หลายคนมีบุคลิกภาพแบบเดียวกันกับจี ซึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาชีวิต ไม่มีความสุขกับชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น รวมทั้งเจ็บป่วยด้วยโรคซึมเศร้าและไบโพลาร์แล้วยังไม่สามารถก้าวข้ามได้ เนื่องจากมีบุคลิกภาพแบบนี้ร่วมด้วย ซึ่งบุคลิกภาพเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญสามารถส่งผลหรือก่อให้เกิดความเจ็บป่วยเป็นโรคทางจิตเวชได้ด้วย จีจึงนำ  5 วิธี เยียวยาและพัฒนาตนเองของ  INFJ ที่จีได้เรียนรู้เพื่อเยียวยาและพัฒนาตนเองให้มีความสุขและสามารถดึงศักยภาพด้านดีของตัวเองออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น รวมทั้งยังสามารถมีความสุขในแบบของตัวเองได้ เพื่อเป็นประโยชน์กับ ชาว INFJ ทุกคนที่ต้องการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้มากขึ้นนะคะ

5 วิธี เยียวยาและพัฒนาตนเองของ  INFJ

1.  โอบรับความเป็น INFJ ของตัวเองก่อน

คนที่เป็น INFJ มักรู้สึกไม่ชอบตัวเองอยู่บ่อย ๆ อาจจะรู้สึกโดดเดี่ยวหรือแปลกแยก และมีความคิดที่ย้อนแย้งที่อาจทำให้รู้สึกไม่เข้าใจตัวเอง หรือถ้าหากป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเนื่องจากสะสมความรู้สึกด้านลบที่เคยรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง นอกจากจะรู้สึกแปลกแยกกับคนอื่นอย่างชัดเจนแล้ว ก็อาจจะนำพาไปสู่ความรู้สึกไร้ค่า ไม่คู่ควรที่จะอยู่บนโลกใบนี้ หรือคิดฆ่าตัวตายได้เหมือนอย่างที่จีและเพื่อนผู้ป่วยโรคซึมเศร้าหลายคนที่เป็นเคยผ่านช่วงเวลานั้นมา

ดังนั้นเราควรยอมรับธรรมชาติของตัวเรา ซึ่งเราไม่สามารถปฏิเสธผลักไส หรือลาออกจากความเป็นตัวเองได้ แต่ถ้าหากเราเปิดใจยอมรับ โอบรับความเป็นตัวเองที่ดี เรียนรู้และพัฒนาตนเองเราจะสามารถดึงศักยภาพที่ยอดเยี่ยมที่ซ่อนอยู่ในตัวเราออกมาใช้เพื่อสร้างคุณค่าให้ตัวเราเองและผู้อื่นได้มากขึ้น

2. พัฒนาจุดแข็ง/รับมือกับจุดอ่อน

คนเราทุกคนล้วนมีข้อดีข้อเสียหรือจุดแข็งจุดอ่อนในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งการที่เราจะสามารถใช้ชีวิตของเราให้มีความสุขและประสบความสำเร็จได้นั้น เราจำเป็นต้องตระหนักรู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเราเอง แล้วโฟกัสพัฒนาจุดแข็งของเราเพื่อนำมาปรับใช้และพัฒนาศักยภาพที่ยอดเยี่ยมของเรา และไม่ลืมที่จะฝึกรับมือกับจุดอ่อนที่มันอาจจะส่งผลต่อชีวิตจิตใจเรา เพื่อที่เราจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและไม่รู้สึกแย่กับตัวเองในเวลาที่ใครหรืออะไรมากระทบจุดอ่อนของเรา

วิธีพัฒนาจุดแข็งของ INFJ

1. เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีความครีเอทีฟ (Creative) ชาว INFJ ส่วนใหญ่ที่จีพบเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ แต่บางคนอาจยังไม่สามารถดึงศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ได้เต็มที่หากยังไม่ได้เรียนรู้และพัฒนาตนเอง เพราะหลายคนยังมีความเชื่อที่ไม่ดีต่อตนเองหรือรู้สึกไม่ดีต่อตนเองอยู่ จึงทำให้มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเองและไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองด้วย ประกอบกับ INFJ เป็นคนที่ไม่ค่อยได้พูดหรือแสดงศักยภาพที่มีอยู่ออกมาได้เต็มที่ อาจจะเป็นเพราะสังคม ค่านิยมที่มักจะให้โอกาสกับคนที่กล้าพูดกล้าแสดงออกมากกว่า

2. สามารถเข้าอกเข้าใจผู้อื่นได้อย่างลึกซึ้ง มีมุมมองที่ฉลาดหลักแหลม มองแบบทะลุปรุโปร่ง (Insightful) INFJ มีสัญชาตญาณหรือศักยภาพพิเศษในการที่สามารถเข้าใจผู้อื่นได้อย่างลึกซึ้ง การที่คุณจะพัฒนาศักยภาพหรือจุดแข็งข้อนี้ได้ดีขึ้นและนำมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นนั้น คุณจำเป็นต้องฝึกอยู่กับตัวเองให้เป็น ชาร์จพลังด้วยการทำสมาธิและมีเวลาส่วนตัวในการทำความเข้าใจกับตัวเอง เพื่อฝึกเชื่อมโยงและสื่อสารกับตัวตนภายในได้มากขึ้น (ดูวิธีเยียวยาและพัฒนาตนเองในข้อ 5)

3. เป็นคนที่มีหลักการชัดเจน มีความแน่วแน่ มุ่งมั่นตั้งใจ หากเชื่ออะไรก็จะสามารถทำมันให้ประสบความสำเร็จได้ (Principled) มองภาพกว้างหรือภาพรวมแล้วสามารถที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างเป็นระบบ มีความมุ่งมั่นตั้งใจและความพยายามที่ยอดเยี่ยม อย่าลืมที่จะตอกย้ำความภาคภูมิใจในตนเอง ชื่นชมตนเองแล้วนำศักยภาพที่ดีเหล่านี้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น

วิธีฝึกรับมือกับจุดอ่อนของ INFJ

1. หวั่นไหวง่ายต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ (Sensitive to Criticism) ฝึกเปิดใจรับฟังความคิดเห็นและคำติชมของผู้อื่น เพื่อนำมาพัฒนาตนเอง เลือกรับฟังและให้ค่ากับคำวิพากษ์วิจารณ์จากคนที่เขารักและหวังดีกับเรา

2. มีความเป็น Introvert หรือมีโลกส่วนตัวสูง มักจะปิดกั้นตัวเองจากผู้อื่น ไม่เปิดใจกับใครง่าย ๆ (Reluctant to open up) หากใครเป็น Deep Introvert แบบจี ลองค่อย ๆ เปิดใจฝึกรับฟังผู้อื่นด้วยหัวใจโดยไม่ตัดสินดูนะคะ

3. เป็นคนที่ชอบทำอะไรสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)  มีความคาดหวังสูง  เป็นคนคิดมากในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงทำให้รู้สึกผิดหวังบ่อย ๆ ฝึกปรับมุมมองความคิดให้ยืดหยุ่น และเตือนตัวเองเสมอว่าไม่มีใครหรืออะไรสมบูรณ์แบบ ฝึกรู้เท่าทันความคาดหวังของตัวเองในทุกเรื่องของชีวิตและปรับลดความคาดหวังให้สอดคล้องกับความเป็นจริง แล้วปล่อยวางผลของมัน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานและการใช้ชีวิตของตนเองได้มากขึ้น

4. เครียดง่ายเกินเหตุ แค่เจอความผิดหวังเล็กน้อยก็ทำให้ลำบากใจทุกข์ใจง่าย หมดไฟหรือหมดพลังได้ง่าย (Prone to burnout) ) ลองหาเหตุผล (Why?) ว่าทำไมเราจึงทำสิ่งนี้หรือทำไปเพื่ออะไร? ถ้าไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ทำไปเพื่ออะไรเราก็จะรู้สึกหมดพลัง หมดไฟได้ง่าย แล้วหมั่นชาร์จพลังตัวเองบ่อย ๆ (ดูที่วิธีการชาร์จพลังข้อ 5)

3. ฝึกรักและเมตตาตัวเองให้เป็น

ธรรมชาติของคนที่เป็น INFJ จะมีความเป็น เพอร์เฟกชันนิสต์ (Perfectionist) หรืออาจจะสุดโต่งแบบจี ชอบกดดันตัวเองแบบอัตโนมัติ เครียดและวิตกกังวลง่าย มุ่งมั่นตั้งใจจนถึงขั้นหมกมุ่นในการทำสิ่งต่าง ๆ และมักจะมีความคาดหวังที่มักจะสูงเกินจริง แต่มักประเมินตัวเองต่ำ ชอบตำหนิหรือโทษตัวเองเมื่อทำผิดพลาดถึงแม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อยก็ตาม ยึดติดและปล่อยวางได้ยาก ซึ่งบางคนอาจไม่รู้ตัวและบางคนรู้แล้วแต่ไม่ยอมรับความจริงหรือยังไม่สามารถรับมือได้ แต่ถ้าหากฝึกที่จะตระหนักรู้ในตนเอง ฝึกรักและเมตตาตัวเองให้มากขึ้น ลดความคาดหวังของตัวเองลงมาไม่ให้มันสุดโต่งจนเกินไป มันจะช่วยลดความเครียด ความกังวลและความกดดันลงได้มากและลดความผิดหวังโดยเฉพาะที่มีต่อตัวเราเองด้วย  ฝึกรู้เท่าทันความคิดที่เรามักจะตำหนิหรือโทษตัวเองแบบอัตโนมัติ เพื่อที่จะหยุดมันแล้วอ่อนโยนและเมตตาตัวเองเมื่อตัวเองทำผิดพลาดด้วยการบอกตัวเองว่า “ไม่เป็นไรนะ” “ฉันอภัยให้ตัวเองนะ” “ลองเริ่มต้นใหม่” หรือใช้คำพูดดี ๆ ที่จะช่วยให้ตัวเองไม่รู้สึกผิดหรือรู้สึกแย่แทนคำพูดที่ตำหนิตัวเอง ฝึกชื่นชมและบอกรักตัวเอง หันกลับมาดูแลกายใจตัวเองให้สมดุล คุณจะมีพลังในการใช้ชีวิตและทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

4. เชื่อมั่นและเห็นคุณค่าในตัวเอง

ในช่วงเวลาที่เรารู้สึกผิดหวังกับตัวเอง รู้สึกไม่ดีต่อตัวเองหากเราสะสมความรู้สึกด้านลบที่มีต่อตัวเองมานาน มันจะทำให้เรารู้สึกมองไม่เห็นคุณค่าในตนเองและขาดความเชื่อมั่นในตนเอง หรือ INFJ  บางคน มี Low self-esteem แบบจีด้วย ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกไร้ค่ามองไม่เห็นข้อดีของตัวเองเลย ไม่กล้าหรือไม่มั่นใจที่จะทำอะไรดี ๆ ในแบบของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงเรามีข้อดีมากมายแล้วเราก็ทำอะไร ๆ ดี ๆ มามากมายหลายอย่างในชีวิต

ดังนั้นจงกลับมาที่ตัวเราแล้วใจเราเอง มองหาข้อดีของตัวเองให้เจอ เขียนมันออกมาได้ยิ่งดีแล้วพูดตอกย้ำข้อดีเหล่านั้นกับตัวเองบ่อย ๆ เพื่อสร้างความภูมิใจและเชื่อมั่นให้กับตัวเรา เพื่อที่เราจะได้มีความสุขในแบบของตัวเองได้มากขึ้น กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองที่ดี เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น โดยที่ไม่ปล่อยให้ความคิดหรือคำพูดของใครมาบั่นทอน เพราะแท้ที่จริงแล้วนั้นหากคุณสามารถเยียวยาและพัฒนาตนเองจนสามารถเข้าถึงศักยภาพที่แท้จริงแล้ว คุณจะพบว่าสัญชาตญาณของการเป็น INFJ นั้น มีคุณค่าทั้งต่อตนเองและผู้อื่นในแบบที่คุณไม่เคยคาดคิด แล้วคุณจะรักตัวเองมากขึ้น

5. เยียวยา ชาร์จพลังและเติมเต็มตัวเอง

  • เยียวยาลบล้างความรู้สึกผิด

ปัญหาสำคัญของ INFJ  คือแคร์คนอื่นมากเกินไป จนมักจะรู้สึกผิดเวลาที่จะทำอะไรเพื่อตัวเอง เพราะโดยธรรมชาติที่มักจะชอบช่วยเหลือดูแลผู้อื่น ชอบทำให้ผู้อื่นพอใจและมีความสุข  มีความเข้าอกเข้าใจเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง จนมักจะละเลยที่จะดูแลใส่ใจตัวเอง หลงลืมที่จะดูแลความต้องการของตัวเองหรือความปรารถนาภายในใจของตัวเอง พอจะทำอะไรเพื่อตัวเองก็จะรู้สึกผิดเหมือนว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัว จนทำให้ตัวเองรู้สึกหมดพลังไปต่อไม่ไหว แล้วก็จะรู้สึกเริ่มไม่พอตัวเองและผู้อื่นโดยไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น ดังนั้นควรตระหนักรู้เรื่องนี้และหมั่นฝึกที่จะมีเวลาอยู่กับตัวเองรับรู้ถึงความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง เพื่อเติมเต็มความสุขให้ตัวเอง และเยียวยาจัดการกับความรู้สึกผิดที่ค้างใจ เพี่อที่จะได้ก้าวข้ามความรู้สึกผิดที่มีอยู่ไปได้ “ความรู้สึกผิด” เป็นตัวการสำคัญที่สามารถดูดพลังได้เป็นอย่างมาก และมันยังเคยเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้จีรู้สึกดิ่งหรือดาวน์ได้เป็นอย่างมากในช่วงที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจนทำให้จีฆ่าตัวตายมาแล้ว

  • การชาร์จพลังตัวเองของ INFJ

ความเป็น Introvert  ของ INFJ มักจะสุดโต่งหรือลึกซึ้งมากกว่า Introvert โดยทั่วไป หรือเรียกว่า (Deep Introvert) ซึ่งจีเองเคยวัดระดับปรากฏว่าช่วงนั้นมีความเป็น   Introvert พุ่งถึง 100% (แอบตกใจตัวเองเหมือนกัน) เราจะรู้สึกหมดพลังได้ง่าย เมื่อต้องทุ่มเททำอะไรเพื่อคนอื่นและต้องพบเจอกับผู้คนมากมาย หรือในช่วงเวลาที่เจอกับปัญหาและอุปสรรค การให้เวลาตัวเองได้อยู่คนเดียว ห่างไกลจากผู้คนและสิ่งรบกวน เพื่ออยู่กับตัวเองเงียบ ๆ ในการไตร่ตรอง ทบทวน ตกผลึกความคิด ประมวลผลและเชื่อมโยงกับโลกภายในใจตนเอง จะช่วยให้เราได้ชาร์จพลังและสามารถมองหาแนวทางของตัวเองเพื่อที่จะก้าวข้ามผ่าน ซึ่งคนอื่นอาจไม่เข้าใจและมักจะต่อว่าเรา แต่จงเข้าใจธรรมชาติของตัวเองให้มากว่านี่คือ ธรรมชาติของเราที่จำเป็นต้องชาร์จพลัง เพื่อที่เราจะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างมีพลังมากขึ้น ไม่อย่างนั้นมันจะส่งผลให้รู้สึกหมดไฟ หมดพลัง อารมณ์แปรปรวนและถูกกระตุ้นได้ง่ายและมากเกินไป การพาตัวเองไปอยู่กับธรรมชาติที่เงียบสงบได้อยู่กับตัวเองจะช่วยให้ INFJ สามารถเชื่อมโยงกับตัวเองและชาร์จพลังได้ดีเยี่ยม กิจกรรมที่ช่วยชาร์จพลัง เช่น การฝึกสมาธิ การเจริญสติ เล่นโยคะ พาตัวเองไปเที่ยวป่า ภูเขา ทะเล หรือสถานที่ธรรมชาติสีเขียวที่ตัวเองชอบ เป็นต้น

  • เติมเต็มตัวเอง

คนที่เป็น INFJ เป็นคนชอบเก็บตัว  หรือ  Introvert แต่ยังคงต้องการการเชื่อมโยงจากผู้อื่นและสิ่งต่าง ๆ รอบตัว มักจะรู้สึกแปลกแยก ถ้าหากไม่สามารถทำบางสิ่งบางอย่างที่สร้างคุณค่าหรือเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ธรรมชาติของ INFJ มักจะมีความคิดเชื่อมโยงกับผู้คนและสิ่งรอบตัว และค้นหาความหมายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในครอบครัว มิตรภาพ การงานหรือสังคม ตราบใดที่ยังคงสามารถเชื่อมโยงและทำอะไรที่ทำให้ตัวเองรู้สึกมีคุณค่า ได้รู้สึกเชื่อมโยงกับผู้อื่นและสิ่งต่าง ๆ ได้สร้างคุณค่าให้กับผู้อื่น รู้สึกถึงความเป็นอิสระ คุณจะรู้สึกมีพลัง มีความหมายและไม่รู้สึกแปลกแยก สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือความหมายของชีวิตที่มักจะปรารถนาและค้นหา กุญแจสำคัญของการเติมเต็ม คือการตระหนักรู้ถึงความหมายของชีวิตและรู้ว่าคุณกำลังจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์และสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตผู้คนและโลกใบนี้ต่อไป

หากคุณมีบุคลิกภาพแบบ INFJ ขอให้คุณเปิดใจเรียนรู้ที่จะเยียวยาและพัฒนาตนเองตาม 5 วิธี เยียวยาและพัฒนาตนเองของ  INFJ เพื่อที่จะได้ค้นพบตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าและมีความสุขกับชีวิตในแบบของตัวเองอย่างแท้จริง และถ้าหากคุณมีบุคลิกภาพแบบนี้แล้วเกิดความเจ็บป่วยทางกายทางใจ ลองอ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมดูนะคะ

All Photos by Pixabay.com

อ้างอิงข้อมูล : personalitygrowth.com, iheartintelligence.com

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม : Trapped Emotion คืออะไร? ใครมีชีวิตติดขัดต้องอ่าน!

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here