คุณกำลังรู้สึกทุกข์ใจกับนิสัยการใช้เงินของตัวเองที่เป็นปัญหาอยู่หรือเปล่า? จีเคยมีนิสัยทางการเงินที่ไม่ดี ไม่เคยมีเงินเก็บ มีหนี้สินรุงรัง ทั้งจากการใช้เงินของตัวเองและการถูกเพื่อนโกงจนเกือบหมดตัว มันทำให้จีรู้สึกทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสกับหนี้ก้อนโต ในช่วงเวลาที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจนทำให้จีเคยฆ่าตัวตายมาแล้ว แต่เมื่อจีตั้งสติได้ก็เรียนรู้ที่จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในการพัฒนาตนเอง จีได้เรียนรู้การฝึกสร้างนิสัยทางการเงินที่ดี เรียนรู้ที่จะมีวินัยและบริหารจัดการการเงินของตัวเองให้ดีขึ้น จนสามารถปลดหนี้สินและมีเงินเก็บได้ในที่สุด จากที่ไม่เคยทำได้มาก่อนเลยในชีวิต มันช่วยให้จีมีชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น และไม่เคยกลับไปเป็นหนี้เป็นสินแบบเดิมอีกเลยจนถึงปัจจุบัน จีนำวิธีที่จีได้เรียนรู้ 5 เคล็ดลับ สร้างนิสัยทางการเงินที่ดี ปลดหนี้และมีเงินเก็บได้ มาแชร์เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ กันค่ะ
5 เคล็ดลับ สร้างนิสัยทางการเงินที่ดี ปลดหนี้และมีเงินเก็บได้
1. ตระหนักรู้และยอมรับความจริงก่อน
หากคุณต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาตัวเอง คุณจำเป็นต้องตระหนักรู้หรือมองเห็นนิสัยทางการเงินของตัวเองก่อนแล้วยอมรับความจริงว่า ตัวเราเองมีนิสัยทางการเงินที่ไม่สร้างสรรค์หรือก่อให้เกิดปัญหาในชีวิต แล้วยอมที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อสร้างนิสัยใหม่ที่สร้างสรรค์แทนที่นิสัยเดิม ซึ่งมันต้องใช้เวลาการเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ฝึกฝนและให้กำลังใจตัวเองที่จะเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จ หากมีความรู้สึกไม่ดีต่อตัวเอง รู้สึกผิด ก็ควรให้อภัยให้ตัวเองก่อน หรืออาจจะมีใครหรืออะไรที่เรารู้สึกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องที่เรายังรู้สึกโกรธ ไม่พอใจหรือโทษคนอื่นสิ่งอื่นอยู่ ก็ให้หยุดแล้วให้อภัย เพื่อที่เราจะไปต่อได้ง่ายขึ้นค่ะ
2. เต็มใจและยอมที่จะเปลี่ยนแปลงนิสัยทางการเงินใหม่
นิสัยคือสิ่งที่ทรงพลังและขับเคลื่อนชีวิตจิตใจเรา แล้วเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่นำพาไปสู่การกำหนดชะตาชีวิตตัวเราเอง นิสัย คือสิ่งที่เรามักจะทำซ้ำ ๆ มานานจนเป็นอัตโนมัติ การที่เราจะเปลี่ยนแปลงนิสัยใหม่จำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างนิสัยใหม่ให้แข็งแกร่งแทนที่นิสัยเดิม แล้วก็ไม่มีใครมาเปลี่ยนเราได้ หากเราไม่ยอมและเต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง หลายคนมีนิสัยทางการเงินที่ไม่ดี ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ไม่เคยวางแผนทางการเงิน ใช้เงินชักหน้าไม่ถึงหลังหรือชอบสร้างหนี้สร้างสินให้ตัวเอง บ่อยครั้งที่พบว่าเรามีปัญหาหนี้สินเรื้อรัง แต่ก็ยังสามารถดิ้นรนหยิบยืมหรือกู้หนี้ยืมสินได้อยู่ก็ยังไม่ตระหนักรู้ที่ยอมเปลี่ยนตัวเอง จนกระทั่งทุกข์จนถึงที่สุดถึงจะยอมเปลี่ยน แต่อย่าให้ถึงจุดนั้นเลยเพราะคุณจะพบกับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เพราะจีเองเคยเป็นเช่นนั้น ถ้าหากคุณตระหนักรู้แล้วว่าคุณมีนิสัยทางการเงินที่ไม่ดี ก็ควรตัดสินใจเริ่มเปลี่ยนแปลงนิสัยทางการเงินของตัวเองตั้งแต่ในวันนี้เลยค่ะ แค่ตัดสินใจ ยอมและเต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แล้วลงมือทำในสิ่งที่เราควรทำค่ะ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม : 7 เคล็ดลับ ฝึกสร้างนิสัยเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่
3. เปลี่ยนความเชื่อและมุมมองทางความคิด (Mindset) ด้านการเงิน
ความเชื่อเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนชีวิตและจิตใจเราให้มีมุมมองทางความคิดในแบบที่เรามี แล้วเราก็ใช้ชีวิตไปตามนั้น หากเราเชื่อว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงและพัฒนาบริหารจัดการการเงินของตัวเองให้ดีขึ้นได้ เราก็จะทำได้จริง ๆ ในตอนที่จีแบกภาระหนี้สินกว่าครึ่งล้านตอนนั้นเหมือนคนล้มละลาย แล้วยังเจ็บป่วยทั้งโรคทางกายทางใจรุมเร้า จีรู้สึกท้อมากและมองไม่เห็นทางว่าจะก้าวข้ามผ่านมันไปได้ยังไง จีได้เรียนรู้ที่จะค้นหาแรงบันดาลใจจากการศึกษาชีวิตผู้คนมากมายที่เขาเคยล้มเหลวในชีวิตแล้วสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตได้อีกครั้ง
สิ่งที่จีค้นพบที่ผู้คนเหล่านั้นมีเหมือนกันแล้วมันขับเคลื่อนชีวิต ก็คือ ความเชื่อ หากเราเชื่อว่าเราทำได้มันก็เหมือนเราทำได้ไปแล้วครึ่งทาง เพราะพลังของความเชื่อที่ดีนั้นจะดึงดูดความสำเร็จและแนวทางต่าง ๆ มาให้เรา ในเมื่อเราทำให้ตัวเองเป็นหนี้ได้ เราก็สามารถที่จะปลดหนี้ได้เช่นกัน และถ้าเรามีความเชื่อหรือมุมมองทางความคิดว่าเราจะมั่งคั่งพรั่งพร้อมหรือร่ำรวยได้ จิตใต้สำนึกเราก็จะรับคำสั่งและบันดาลให้เป็นไปตามนั้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราต้องปรับเปลี่ยนความเชื่อของเราให้เป็นไปในทิศทางที่ดี แล้วลงมือทำ พูด คิดให้สอดคล้องกับสิ่งที่เราปรารถนา
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม : พัฒนากรอบความคิด (Mindset) เปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเองใหม่
4. เปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่และสังคมใหม่
สังคมและสิ่งแวดล้อมนั้นมีอิทธิพลต่อใจคนเรามาก หากเรายังใช้ชีวิตแบบเดิมหรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิม ๆ ก็อาจจะเป็นอุปสรรคกับการเปลี่ยนแปลงนิสัยทางการเงินของเรา เราไม่สามารถควบคุมปัจจัยภายนอกได้ แต่เราสามารถที่จะรับมือและจัดการกับตัวเราใจเราเองได้ ลองดูว่าคุณสามารถที่จะปรับตัวปรับใจยังไงได้บ้าง สำหรับจีในตอนที่เริ่มเปลี่ยนแปลงนิสัยทางการเงินนั้น จากที่เมื่อก่อนวันหยุดก็จะไปเดินห้างหรือไปช้อปปิ้ง ตามประสาผู้หญิง ขอให้ได้ไปเดินถึงไม่ได้ซื้ออะไรก็ทำให้รู้สึกสบายใจ แต่ก็อดที่จะซื้อไม่ได้ ในเมื่อเราห้ามใจตัวเองไม่ได้ เราก็จำเป็นต้องใช้สถานการณ์ช่วย จีเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง โดยการพาตัวเองไปเดินเล่นชายหาด สวนสาธารณะ และไปห้องสมุดแทนในวันหยุด ก็ช่วยลดการใช้จ่ายไปบ้าง
แต่ถ้าต้องไปเดินช้อปปิ้งไปห้างสรรพสินค้าจริง ๆ หรือเผลอใจเข้าไปช้อปปิ้งออนไลน์ ก็ฝึกให้ตัวเองมีสติรู้เท่าทันความอยากได้ของตัวเอง แรก ๆ มันก็ยาก จีก็ใช้วิธีการปล่อยให้ตัวเองหยิบของที่อยากได้ใส่ตะกร้าหรือรถเข็นก่อน จากนั้นก็ถามตัวเองว่าสิ่งที่เราหยิบมานั้นเราจำเป็นต้องใช้ไหม หรือว่าแค่อยากได้เฉย ๆ แล้วเมื่อตระหนักรู้ว่าจริง ๆ แล้วมันก็ไม่จำเป็น ก็เอากลับไปคืนที่เดิม ถ้าเป็นในออนไลน์ก็ปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนั้นหรือเข้าไปลบออก นอกจากนี้ยังลดการไปสังสรรค์กับเพื่อนในกลุ่มที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย สังสรรค์ หรือติดของแบรนด์เนม เพื่อลดภาระทางใจที่ถูกกระตุ้น และลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้มากทีเดียว เลือกคบเพื่อนหรือคนที่จะช่วยสนับสนุนเราให้เป็นไปในทิศทางที่ดี คนที่รักการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง และในโลกโซเชี่ยลก็เลือกดูหรือติดตามสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเอง ไม่เสพสื่อที่กระตุ้นความอยากมีอยากได้อยากเป็น ในแบบที่โฆษณาว่าของมันต้องมี ซึ่งมันเป็นจิตวิทยาการโฆษณาที่ล่อใจคนเรา กระตุ้นต่อมอยากได้มากทีเดียว
5. สร้างนิสัยทางการเงินของตัวเองใหม่
จีเคยเป็นมนุษย์เงินเดือนและใช้ชีวิตในรูปแบบของสังคมไทย จากเมื่อก่อนจีเป็นคนที่ใช้เงินแบบชักหน้าไม่ถึงหลัง เคยกู้ยืมเงินเพราะเงินเดือนไม่พอกับค่าใช้จ่าย และเป็นหนี้บัตรเครดิตเกือบทุกธนาคาร หลังจากที่ต้องเจอวิกฤตทางการเงินอย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้ จีจึงตัดสินใจปฏิวัตินิสัยทางการเงินของตัวเองใหม่ โดยการเปลี่ยนวิธีคิดและพฤติกรรมที่ไม่ดีไม่สร้างสรรค์ รวมทั้งฝึกสร้างนิสัยการจัดการการเงินที่ดี ฝึกออมเงินและวางแผนทางการเงินของตัวเองใหม่ จนในที่สุดจีก็สามารถปลดหนี้สินทั้งหมดได้ มีเงินออม มีวินัยทางการเงินที่ดี มีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตแบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
ปลดหนี้ก่อน
จีพบว่าหลายคนเป็นหนี้ แต่ไม่ยอมใช้หนี้ก่อน มันเลยทำให้ยังคงเป็นหนี้รุงรังอยู่อย่างนั้นและมีปัญหาชีวิตเพิ่มขึ้นไปอีก การเป็นหนี้สินสร้างความทุกข์ทรมานใจเหมือนเราแบกภาระอันหนักหน่วงไว้ ถ้าหากคุณเป็นหนี้ลองโฟกัสที่จะค่อย ๆ ปลดหนี้ก่อน มันจะทำให้คุณมีพลังในการใช้ชีวิตมากขึ้น ในเมื่อเราเป็นคนสร้างหนี้นั้นขึ้นมา เราก็จำเป็นต้องรับผิดชอบ
เก็บก่อนใช้
การฝึกให้ตัวเองเก็บออมก่อนที่จะใช้จ่าย จะช่วยให้เราฝึกนิสัยที่จะควบคุมตัวเองได้ดี หลายคนมักจะบอกว่า แค่จะใช้ยังไม่พอแล้วจะเอาที่ไหนมาเก็บ แต่จริง ๆ แล้วถ้าเราลองเก็บส่วนหนึ่งเพื่อออมไว้ให้เป็นนิสัย แล้วค่อยบริหารจัดการเงินที่เราจะใช้ในแต่ละเดือนให้ดี เราก็จะมีหนทางที่จะทำให้ตัวเองอยู่รอดได้ค่ะ เพราะไม่เช่นนั้นเราก็จะตามใจตัวเอง ใช้เงินตามความอยากของเราไปเรื่อยในที่สุดมันก็จะพาตัวเองวนมาจุดเดิม คือ ไม่พอใช้ และไม่เหลือเก็บ
ซื้อของด้วยเงินสดเลิกใช้บัตรเครดิต
“ไม่ใช้ไม่ซื้อ” หรือ “จำเป็นต้องซื้อไหม” นี่เป็นประโยคที่ใช้บอกและถามตัวเองบ่อย ๆ เวลาที่อยากได้อะไรเพื่อเบรคตัวเอง แล้วตั้งกฎเหล็กให้ตัวเองว่าจะซื้อของด้วยเงินสดเท่านั้น หลังจากชำระหนี้บัตรเครดิตหมดทุกใบและปิดบัตรทั้งหมด แล้วก็ตัดทำลายทุกบัตรทิ้ง มันทำให้จีรู้สึกถึงความเป็นอิสระเหมือนยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก การมีบัตรเครดิตเหลือไว้สักใบก็สามารถช่วยสำรองในยามฉุกเฉินได้ แต่พอจีมาคิดดูว่าตัวเองมักจะตามใจตัวเอง เลยตัดสินใจไม่เก็บไว้เลยสักใบ และฝึกนิสัยที่จะซื้อของด้วยเงินสดเท่านั้น มันก็ทำให้จีใช้ชีวิตได้ไม่ได้ติดขัด แถมยังมีความสุขกับชีวิตมากขึ้นอีกด้วย
วางแผนทางการเงินของตัวเองใหม่
หากคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน จีขอแนะนำวิธีการจัดการเงินเดือนที่จีเคยใช้แล้วได้ผลดี และเป็นวิธีที่ผู้คนมากมายทั่วโลกนำไปปรับใช้แล้วทำได้สำเร็จด้วย วิธีจัดการการเงินแบบ “6 Jars” หรือขวดโหล 6 ใบ จากแนวคิดของ T.Harv Eker นักวิทยาการเจ้าของหนังสือขายดี “ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน” ผู้ใช้เทคนิคจัดสรรเงินเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในการพลิกชีวิตตัวเอง จากคนที่เคยถังแตก ให้กลายเป็นเศรษฐีได้ในช่วงเวลาไม่กี่ปี เทคนิคของ T.Harv Eker คือ การจัดสรรเงินออกเป็น 6 ส่วนอย่างชัดเจน โดยแบ่งส่วนนต่างๆ ให้นึกภาพออกเสมือนเวลาสะสมเงินในขวดโหล หรือกระปุกในวัยเด็ก แต่ละกระปุกจะมีสัดส่วนคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ตามรายรับที่ได้มา โดยแบ่งสัดส่วนน้ำหนักของรายได้เหล่านั้นตามความเหมาะสม ดังนี้
- ค่าใช้จ่าย 55% ในส่วนนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนของเรา เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนบ้านผ่อนรถ เป็นต้น
- ลงทุน 10% เป็นเงินออมที่แยกใส่ไว้ในบัญชีธนาคารหรือลงทุนแบบประจำทุกเดือน เช่น ฝากประจำ กองทุน พันธบัตรรัฐบาล เป็นต้น
- พัฒนาตนเอง 10% เงินออมนี้จะใช้จ่ายในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง เช่น ลงคอร์สออนไลน์ ประชุมสัมมนาในเรื่องที่เราต้องการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ซื้อหนังสือ เป็นต้น
- เงินออมระยะยาว 10% ในส่วนนี้จะเป็นเงินที่เราเก็บระยะยาวเพื่อสำรองไว้ฉุกเฉินในอนาคต เช่น เก็บไว้ซื้อบ้าน ซื้อรถ สำรองยามเจ็บป่วย หรือเก็บไว้สำหรับการศึกษาของลูก เป็นต้น
- ให้รางวัลตัวเอง 10% หลังจากที่เราทำงานหรือใช้ชีวิตมาอย่างหนักหน่วง เราก็ควรให้รางวัลตัวเอง เงินส่วนนี้จะใช้ซื้อของที่ตัวเองอยากได้ ไปทานอาหารหรือพาตัวเองไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนคลาย เป็นต้น
- แบ่งปัน 5% การให้หรือการแบ่งปันจะช่วยสร้างคุณค่าให้ตัวเราเองและผู้อื่น ช่วยให้เรารู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง รู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นหรือเป็นผู้ให้ ไม่ว่าจะการทำบุญ ทำทาน หรือบริจาค ซื้อของขวัญให้เพื่อนหรือคนในครอบครัว เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น คุณมีเงินเดือน 10,000 บาท ค่าใช้จ่าย 55% = 5,500 ลงทุน 10% = 1,000 บาท พัฒนาตนเอง 10% = 1,000 บาท เงินออมระยะยาว 10% = 1,000 บาท ให้รางวัลตัวเอง 10% = 1,000 บาท และแบ่งปัน 5% = = 500 บาท
จากบทความ 5 เคล็ดลับ สร้างนิสัยทางการเงินที่ดี ปลดหนี้และมีเงินเก็บได้ จีหวังว่าเพื่อน ๆ จะได้ไอเดียและได้ประโยชน์ เพื่อนำไปปรับใช้ในการสร้างนิสัยการเงินที่ดีของตัวเอง ในแบบที่เหมาะสมกับตัวเองและประสบความสำเร็จนะคะ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม : 7 เคล็ดลับ ตั้งเป้าหมายดึงดูดความสำเร็จ
