ไม่มีความสุขกับการทำงานจะทำยังไงดี? ไม่ได้รักหรือชอบงานที่ทำอยู่ มันเป็นแค่งานที่จำเป็นต้องทำ ทำงานที่คนอื่นดูถูกทำให้รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยด้อยค่า เปลี่ยนงานมาตลอดทำที่ไหนไม่ได้นาน เหนื่อยล้า ท้อแท้ ทั้ง ๆ ที่พยายามทำงานเต็มที่และดีที่สุดแล้วยังโดนต่อว่า หากใครกำลังวนอยู่กับความรู้สึกนึกคิดเหล่านี้ จีขอเป็นกำลังใจและขอแชร์ 7 ข้อคิดเพื่อวางใจเมื่อต้องทำงานที่ไม่ใช่และไม่ชอบ ซึ่งจีได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงของตัวเอง มันอาจจะช่วยให้เพื่อน ๆ วางใจตัวเองได้ถูกที่ถูกทางและสามารถทำงานอย่างมีความสุขได้มากขึ้นค่ะ

ในช่วงเวลาที่จีต้องเจ็บป่วยด้วยโรคซึมเศร้าและมีอาการรุนแรง แต่จำเป็นที่จะต้องทำงานเพื่อดูแลตัวเองและครอบครัวไม่สามารถที่จะหยุดทำงานได้ และไม่สามารถเลือกงานได้เพราะตอนนั้นเพิ่งย้ายไปอยู่ที่ออสเตรเลีย งานที่ทำได้ง่ายที่สุดคือการเป็นแม่บ้านทำความสะอาดที่รีสอร์ทใกล้บ้าน

มันเป็นช่วงเวลาที่จีรู้สึกทุกข์ทรมานที่สุดในชีวิตช่วงหนึ่ง จากที่เคยทำงานสบาย ๆ ในอ๊อฟฟิศกลับต้องมาทำงานที่ใช้แรงงานหนัก ๆ โดนเหยียดสัญชาติและโดนบางคนดูถูกในงาน โดนเพื่อนร่วมงานเอาเปรียบสารพัดด้วย มันทำให้จีรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าและไม่มีความสุขกับงาน รวมทั้งยังรู้สึกกดดันที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา ในช่วงที่ตัวเองป่วยเป็นภูมิแพ้และโรคซึมเศร้า จนส่งผลกระทบให้จีเป็นโรควิตกกังวลและโรคแพนิกตามมา

ในช่วงแรกจีรับไม่ได้แอบร้องไห้บ่อยมากจนรู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่เพราะอาการของโรคซึมเศร้ารุนแรงในช่วงนั้น หลังจากเข้ารับการรักษาบำบัดและฝึกประคับประคองตัวเองมามันทำให้จีได้เรียนรู้และสามารถก้าวข้ามผ่านปัญหาและอุปสรรคและรักงานที่ทำนั้นได้

สิ่งที่สำคัญมาก ๆ อย่างแรกที่เราต้องปรับเปลี่ยน ก็คือ มุมมองทางความคิด (Mindset) หรือทัศนคติ ของเรานั่นเอง หากเราฝึกปรับมุมมองของเราที่มีต่องาน ต่อตัวเราเองและสิ่งที่เราต้องเผชิญได้ดีขึ้น มันจะช่วยให้เราสามารถวางใจตัวเองได้ถูกที่ถูกทางและมองเห็นแนวทางที่จะทำให้เราทำงานได้อย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จในงานนั้นได้ ถึงแม้จะเป็นงานที่ไม่ใช่หรือเราจะไม่ชอบมันก็ตาม

7 ข้อคิดเพื่อวางใจเมื่อต้องทำงานที่ไม่ใช่และไม่ชอบ

1. งานทุกงานล้วนมีคุณค่าในตัวของมันเอง

“จงทำงานด้วยใจของผู้ให้ เพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับผู้คน” ไม่ว่าจะเป็นงานที่คนอื่นอาจจะมองว่าต่ำต้อย ไม่มีเกียรติหรือได้เงินน้อย คนกวาดถนน คนทำความสะอาดห้องน้ำ ทุกคนทุกงานล้วนสร้างคุณค่าให้กับผู้คน ลองคิดดูว่าหากไม่มีพวกเขาแล้วจะเป็นยังไง เพราะฉะนั้นงานที่เรากำลังทำอยู่ก็มีคุณค่าเช่นกัน

สองประโยคเด็ดที่จีใช้เตือนใจตัวเองเวลาที่ถูกคนอื่นใช้คำพูดหรือแสดงกิริยาที่ดูถูก ก็คือ “ใครจะดูถูกงานที่เราทำหรือดูถูกเราไม่เจ็บปวดและบั่นทอนเท่าเราเป็นคนดูถูกงานของตัวเอง” และ “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน”

2. จงมองหาข้อดีของงานและสิ่งที่เราได้เรียนรู้

ฝึกมองหาข้อดีของงานและสถานการณ์ที่เข้ามากระทบใจ ในเวลาที่ต้องเจอปัญหาและอุปสรรคในงาน มันจะช่วยให้เราไม่วนอยู่กับความรู้สึกนึกคิดลบ ๆ สมองและใจจะได้มองเห็นสิ่งดี ๆ มีพลังไปต่อได้ เช่น เราโชคดีแค่ไหนที่มีงานทำ งานนี้สอนให้เราได้ฝึกความอดทน และฝึกที่จะมีหัวใจแห่งการผู้ให้ เป็นต้น

3. จงน้อมใจทำงานปัจจุบันเพื่อสานฝันงานในอนาคต

งานที่ทำอยู่ตอนนี้อาจจะไม่ใช่งานที่ใช่หรือชอบ แต่ถ้าหากเรามีเป้าหมายมีงานในฝันอยู่ จงเรียนรู้งานปัจจุบันว่ามันจะสอนให้เรามีทักษะอะไรเราบ้าง เพื่อที่จะต่อยอดไปทำงานที่เราฝันไว้ให้ยอดเยี่ยมได้อย่างที่เราต้องการ แล้วจงเตือนตัวเองเสมอว่า “เรากำลังสร้างคุณค่าให้ผู้อื่นและพัฒนาตัวเราเองให้ไปสู่จุดหมายเพื่องานในฝันของเรา”

4. ฝึกขอบคุณงานที่ทำและผู้คนรอบตัวที่เกี่ยวข้องอยู่เสมอ

ฝึกขอบคุณเจ้านาย เพื่อนร่วมงานหรือลูกค้า โดยเฉพาะเวลาที่เกิดปัญหาแล้วทำให้เรารู้สึกไม่ดีขึ้นมา ให้เปลี่ยนโฟกัสไปมองในด้านดีของงานและผู้คนเหล่านั้นแล้วนึกขอบคุณเขา แล้วเราจะได้ไม่วนอยู่ความรู้สึกลบ ๆ ที่บั่นทอนกำลังใจในการทำงานของตัวเอง

5. อย่าลืมขอบคุณตัวเองที่ตั้งใจทำงาน

ฝึกขอบคุณตัวเองบ่อย ๆ เมื่อเราทำงานสำเร็จ บอกและตอกย้ำกับตัวเองอยู่เสมอว่าเรายอดเยี่ยมขนาดไหน “จงภูมิใจและศรัทธาในตัวเองและสิ่งที่เราได้ทำ” เพื่อให้ปลอบโยนและเติมเต็มพลังใจที่ยิ่งใหญ่ในการขับเคลื่อนใจเราให้มีพลังในการทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมมากขึ้น

6. จงทำงานอย่างท้าทาย

หากกำลังทุกข์อยู่กับงานหรือปัญหาเรื่องงาน จงบอกตัวเองว่าสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ คือ สิ่งที่โลกส่งมาทดสอบใจเราเพื่อให้เราได้เรียนรู้ที่จะก้าวข้ามผ่านมันไปและใช้มันส่งให้เราไปยังจุดที่ดีกว่าเสมอ “จงท้าทายกับมัน”

7. จงทำงานด้วยใจเมื่อเราจากไปทำให้คนที่อยู่คิดถึง

หากรู้สึกเหนื่อยล้าท้อแท้ไม่อยากทำงานนั้น แต่ยังไม่สามารถที่จะทำงานที่ตัวเองตั้งใจหรืองานอื่นที่อยากทำได้ ก็ให้คิดว่าหากวันนึงเราต้องจากงานนี้ไป เราจะเลือกทำงานอย่างไรในตอนนี้ เราอยากให้ใครพูดถึงหรือคิดถึงเราแบบไหน แบบที่เขาต่อว่าหรือชื่นชมตามหลังที่จะทำให้เรารู้สึกดีมีพลังมากกว่า

7 ข้อคิดเพื่อวางใจเมื่อต้องทำงานที่ไม่ใช่และไม่ชอบ ที่จีได้เรียนรู้จากงานที่จีไม่เคยคิดว่าจีจะทำมันได้เพราะมันทั้งเหนื่อยและเป็นงานหนัก รวมทั้งจียังเจ็บป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ และเป็นงานที่จีเคยบอกตัวเองว่าจีจะไม่มีวันทำเด็ดขาดเพราะจีคงทำไม่ได้

ตลอดชีวิตการทำงานของจีเคยทำงานโรงแรมมาหลายตำแหน่งไม่ว่จะเป็น Cocktail Waitress, แคชเชียร์, พนักงานบัญชี, โอเปอร์เรเตอร์, รีเซฟชั่น, Guest Relation ทุกงานที่ผ่านมาจีก็เคยคิดว่าจีคงทำไม่ได้และยังไม่ใช่งานที่ใช่หรือชอบอย่างแท้จริง มันทำให้จีได้เรียนรู้ว่าเราทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิดแล้วยังทำได้ดีอีกด้วย

เมื่อมุมมองความคิดเปลี่ยนชีวิตก็เปลี่ยน จากที่รู้สึกไม่มีความสุขกับงาน ไม่ชอบงานที่ทำ คิดว่าตัวเองคงทำไม่ได้ มันทำให้จีสามารถท้าทายตัวเองและวางใจในงานที่ไม่ใช่และไม่ชอบ ที่ต้องเป็นแม่บ้านทำความสะอาดในรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในออสเตรเลียได้เกือบ 4 ปี โจทย์งานของจีคือคือล้างห้องน้ำห้องส้วมห้องอาบน้ำรวมกันทั้งหมดประมาณ 60 ห้อง แถมห้องครัวและห้องซักรีดอีกอย่างละ 2 ห้องให้เสร็จภายเวลา 4 ชั่วโมง

จีฝึกเรียนรู้และน้อมใจลงมาทำงานพัฒนาตัวเองจนรักและศรัทธาในตัวเองและงานที่ทำ ผลที่จีได้รับคือคำชื่มจากลูกค้า เพื่อนร่วมงานและเจ้านายอย่างไม่ขาดสาย และการประเมินหน้างานที่จีทำหลายคนอาจดูถูก แต่ในส่วนนี้มีความสำคัญมากต่อคะแนนการประเมินมาตรฐานของรีสอร์ท ซึ่งในเครือรีสอร์ทนี้มีทั้งหมด 167 แห่งทั่วออสเตรเลีย จากที่รีสอร์ทแห่งนี้มีมาตรฐานอยู่ในอันดับที่ 17 ก่อนจีจะลาออกสองปี รีสอร์ทได้ขึ้นอันดับที่ 2 และปีที่จีลาออกความสะอาดในส่วนที่จีได้ทำได้คะแนนความสะอาด 100% และขึ้นเป็นอันดับ 1 ในที่สุด นั่นคือเป้าหมายและความสำเร็จที่จีได้สร้างไว้ในความทรงจำ

สิ่งที่จีได้เรียนรู้จากการทำงานที่ไม่ใช่และไม่ชอบ ได้เปลี่ยนชีวิตและจิตใจของจีอย่างมหาศาลมันเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าในใจไม่รู้ลืม เพราะจีใช้ช่วงเวลานั้นและทุกสถานการณ์ที่สร้างความทุกข์และเจ็บปวดใจให้จีเป็นครูสอนใจเพื่อให้จีก้าวข้ามผ่านปัญหาและอุปสรรคในชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ได้

จีหวังว่า 7 ข้อคิดเพื่อวางใจเมื่อต้องทำงานที่ไม่ใช่และไม่ชอบ ที่จีได้แชร์มานี้ จะช่วยเป็นแรงบันดาลใจและให้แง่คิดดี ๆ ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ ที่กำลังไม่มีความสุขกับงานหรือมีปัญหาในเรื่องงานได้ก้าวข้ามปัญหาและอุปสรรคของตัวเองไปได้ ขอให้มีความสุข รักและศรัทธาทั้งต่อตัวเองและงานที่ทำนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ

Cr.Photos by Pixabay

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม>>>

ข้อคิดเรื่องงานที่ได้จาก “โรคซึมเศร้า”

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here