กฎแห่งแรงดึงดูด มีจริงไหม? มันคืออะไร? แล้วมีวิธีการใช้ยังไงให้ได้ผลจริง? มีเพื่อน ๆ หลายคนสงสัยเพราะเคยอ่านหรือรับรู้เกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งแรงดึงดูดมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจ และสนใจอยากให้จีเขียนแชร์ความรู้ความเข้าใจในฐานะที่เคยใช้ กฎแห่งแรงดึงดูด เพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตและจิตใจของตัวเอง จากคนที่เคยเจ็บป่วยด้วยโรคซึมเศร้าและโรคจิตเวชอื่น ๆ มายาวนาน เคยล้มเหลวในชีวิตทุกด้านแล้วกลับมามีความสุขและประสบความสำเร็จได้ในแบบที่ตนเองต้องการ จีขอแชร์สิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้และคำแนะนำในการใช้ กฎแห่งแรงดึงดูด (Law of attraction) เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้เข้าใจมากขึ้น แล้วสามารถนำไปปรับใช้ให้ได้ผลดีกับตัวเองได้ด้วยนะคะ

กฎแห่งแรงดึงดูด (Law of attraction) คืออะไร?

คุณคงเคยได้ยินสำนวนหรือประโยคเหล่านี้บ่อย ๆ แต่คุณอาจไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น ตัวอย่างเช่น “คิดอย่างไร ก็ได้อย่างนั้น” “เกลียดอะไร ก็มักจะได้อย่างนั้น” “เชื่อว่าชีวิตตัวเองเป็นอย่างไร มันก็จะเป็นไปตามนั้น” หรือ “อย่าพูดอะไรไม่ดีเดี๋ยวมันจะเป็นไปตามปาก” เป็นต้น นี่คือการทำงานของกฏแห่งแรงดึงดูด ซึ่งมันมีอยู่จริงและมันก็ทำงานตลอดเวลาโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว กฎแห่งแรงดึงดูด (Law of attraction) เป็นกฎแห่งธรรมชาติ หรือบางคนเรียกว่า กฎแห่งจักรวาล   ซึ่งเป็นแนวคิดที่มีคนสนใจและพูดถึงมายาวนานแล้ว เป็นหลักปรัชญาที่เชื่อว่า มนุษย์เรานั้นมีพลังที่แฝงเร้นอยู่ในตัวเอง พลังนี้มาจากการที่เราคิด ปรารถนาหรือโฟกัสความสนใจของเราไปยังสิ่งต่าง ๆ ซ้ำ ๆ จนก่อให้เกิดความรู้สึกหรืออารมณ์ร่วมจนกระทั่งเกิดความเชื่อขึ้นมาในจิตใจเราแล้วดึงดูดสิ่งที่เราคิดนั้นให้เป็นความจริงขึ้นมา

ในปี ค.ศ. 2006 กฎแห่งแรงดึงดูด ได้รับความนิยมจนทำให้ผู้คนสนใจกันอย่างแพร่หลายมากขึ้นจากหนังสือของ รอนดา เบิร์น (Rhonda Byrne) นักเขียนชาวออสเตรเลีย ที่ตีพิมพ์ออกมาในชื่อว่า The Secret ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับกฎแรงดึงดูด ที่สร้างความมหัศจรรย์ช่วยเปลี่ยนชีวิตผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกและเป็นหนังสือติดอันดับขายดีไปทั่วโลก และแปรเป็นภาษาต่าง ๆ มากถึงประมาณ 50 ภาษา รวมทั้งมีแปลเป็นภาษาไทยด้วย

จีได้รู้จักกับกฎแห่งแรงดึงดูดพร้อม ๆ กับเรื่อง จิตใต้สำนึก ในตอนที่กลับมาป่วยเป็นโรคซึมเศร้าครั้งสุดท้ายที่ผ่านมาหลายปีแล้ว และได้ค้นคว้าหาข้อมูลจากการอ่าน การดูวิดีโอทางยูทูบเพิ่มเติม รวมทั้งยังได้อ่านหนังสือ The Secret  และหนังสือ The Top Secret ซึ่งเขียนโดย ทันตแพทย์สม สุจีรา ซึ่งท่านเป็นนักเขียนชื่อดังและท่านได้ฝึกปฏิบัติธรรม ท่านจึงสามารถอธิบายเกี่ยวกับกฎแห่งแรงดึงดูดได้ลึกซึ้งมากกว่าและยังสามารถเชื่อมโยงกับธรรมะของพระพุทธองค์ ที่ช่วยให้นำกฎแห่งแรงดึงดูดมาปรับใช้ได้มากขึ้น จีจึงสามารถเข้าใจกฎแห่งแรงดึงดูดได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เพราะในเวลานั้นจีได้เรียนรู้การปฏิบัติธรรมด้วยตัวเองที่บ้าน ฝึกเจริญสติตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช รวมทั้งต่อยอดการฝึกกรรมฐานแบบสติปัฎฐาน 4 ซึ่งมันช่วยให้จิตมีพลังและสามารถดึงดูดสิ่งที่ตัวเองปรารถนาให้เป็นจริงขึ้นมาได้

สรุป 3 ขั้นตอน การใช้กฎแห่งแรงดึงดูด

ในหนังสือ The Secret  อธิบายถึงกระบวนการสร้างสรรค์หรือขั้นตอนเพื่อให้สอดคล้องกับกฎแรงดึงดูดของจักรวาลไว้  3 ขั้นตอน คือ

1. ขอ (Ask) >>> การตั้งจิตให้แน่วแน่เพื่อให้พลังจักรวาลรับรู้ในสิ่งดี ๆ ที่คุณต้องการ เพื่อดึงดูดสิ่งดี ๆ มาให้คุณ

2. เชื่อ (Believe) >>> เชื่อด้วยใจจริงหรือศรัทธา โดยไม่ลังเลสงสัย ว่าคุณจะได้รับสิ่งที่คุณปรารถนานั้นอย่างแน่นอน

3. รับ (Receive) >>> เปิดใจยอมรับผลลัพธ์ในสิ่งที่คุณขอและชื่นชมสำนึกรู้คุณกับสิ่งที่ได้รับ

ใน 3 ขั้นตอน จากข้อมูลของหนังสือ The Secret  ที่ผู้คนทั่วโลกได้อ่าน ส่งผลให้ผู้คนที่รู้ความลับนี้ได้ทดลองใช้ Law of attraction หรือกฎแแรงดึงดูด เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้มีความสุขและประสบความสำเร็จมากขึ้น บางคนก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม แต่บางคนกลับทำไม่สำเร็จและรู้สึกผิดหวัง รวมทั้งไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น จีขอแชร์ข้อแนะนำที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ เข้าใจและสามารถใช้กฎแห่งแรงดึงดูดได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลดีค่ะ

ข้อแนะนำในการใช้กฎแห่งแรงดึงดูดให้ได้ผลดี

1. ตัดสินใจเลือกและโฟกัสไปกับสิ่งที่เราต้องการให้เกิดขึ้นในชีวิตเท่านั้น คุณต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่และชัดเจนที่จะขอในสิ่งดี ๆ ที่คุณต้องการหรือปรารถนา เพื่อให้จิตใต้สำนึกหรือจักรวาลรับรู้ในสิ่งที่คุณต้องการอย่างแท้จริง

2. คุณต้องเชื่อมั่นและฝึกไว้วางใจ ในสิ่งที่คุณปรารถนาอย่างไม่ลังเลสงสัย เพราะความลังเลสงสัย ความไม่มั่นใจหรือไม่เชื่อมั่น ความกลัว ความกังวล ความรู้สึกต่อต้าน หรือความรู้สึกด้านลบ จะเป็นตัวขัดขวางความสุขและความสำเร็จ แล้วถ้าหากคุณจินตนาการถึงสิ่งที่คุณกลัวหรือกังวลมันจะดึงดูดสิ่งเหล่านั้นมาแทน

3. จินตนาการภาพและรู้สึกถึงสิ่งที่คุณปรารถนานั้นอย่างชัดเจน ว่าคุณได้รับมันมาแล้วเห็นภาพตัวเองมีความรู้สึกดียังไง มีความสุขมากมายแค่ไหน รู้สึกให้ได้ตอนนี้เลย และจินตนาการภาพรับรู้ความรู้สึกนั้นอย่างละเอียดลึกซึ้ง เพื่อให้จิตมีพลังดึงดูดสิ่งนั้นให้เกิดขึ้นจริงได้เร็วขึ้น

4. ฝึกคิดในแง่บวก (Positive Thinking) และสำนึกรู้คุณ เพื่อสร้างพลังบวก เพราะคนเรามักจะมีความคิดลบอัตโนมัติ (Automatic Thought) เกิดขึ้นเสมอ  หยุดโทษหรือตำหนิตัวเอง หยุดด่าคนอื่น หรือตัดสินคนอื่นแบบอัตโนมัติ คุณจำเป็นต้องฝึกรู้เท่าทันความคิดลบแล้วเบี่ยงเบนความคิด ปรับเปลี่ยนไปคิดในแง่บวกแง่ดีให้มากขึ้นและหมั่นชื่นชมขอบคุณตัวเอง ให้อภัยตัวเองเมื่อทำผิดพลาด ขอบคุณผู้คนและสิ่งต่าง ๆ รอบตัว นี่คือการสร้างพลังบวกและดึงดูดคนดี ๆ สิ่งดี ๆ ให้เข้ามาในชีวิตคุณมากขึ้น

5. เมื่อมีความคิดลบเกิดขึ้น ก็แค่รับรู้ แต่ไม่ใส่ใจ ไม่ให้ค่ากับความคิดด้านลบแล้วโฟกัสไปกับสิ่งดี ๆ คนดี ๆ ที่เราปรารถนาจะพบเจอหรือได้รับเท่านั้น

6. ฝึกคิด พูดและลงมือทำให้สอดคล้องกับสิ่งที่คุณปรารถนา เพราะถ้าหากคุณปรารถนาสิ่งใดแล้วคุณได้แต่คิดแต่ไม่ลงมือทำมันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ที่คุณต้องการ

7. หยุดใช้คำด้านลบหรือเชิงปฏิเสธ เช่น คำว่า “ไม่” “อย่า” หรือ “ห้าม” เป็นต้น  ใช้คำพูดเชิงบวกในการตั้งเป้าหมายหรือขอในสิ่งที่คุณปรารถนา เพราะจิตใต้สำนึกไม่เข้าใจความหมายของตรรกะหรือคำพูด มันจะรับรู้แค่ว่าสิ่งใดที่คุณพูดหรือตอกย้ำกับตัวเองบ่อย ๆ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ

8. เปลี่ยนความเชื่อที่ขัดขวางความสุขและความสำเร็จของตัวเราเอง คนเราทุกคนนั้นมีความเชื่อด้านลบที่มาจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดูในวัยเด็ก การเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตส่งผลให้มีความเชื่อที่ผิดและทำให้ชีวิตติดขัดไม่มีความสุขและทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ จงสำรวจความเชื่อที่คุณมีต่อตนเองและการใช้ชีวิตในทุกด้านของคุณ เช่น หากคุณเชื่อว่า “รักแท้ไม่มีอยู่จริง” คุณก็จะไม่สมหวังในเรื่องความรักหรือไม่สามารถดึงดูดคนที่คู่ควรเข้ามาในชีวิตคุณได้ เป็นต้น

9. กุญแจสำคัญของกฎแห่งแรงดึงดูด คือ “พลังแห่งความรู้สึก”  ยิ่งรู้สึกแบบเข้มข้นได้มากเท่าไหร่ ยิ่งดึงดูดได้เร็วมากเท่านั้น

10. เติมเต็มความรู้สึกขาดภายในใจตนเอง กฎแรงดึงดูดทำงานจากความรู้สึก หากคุณยังมีความรู้สึกขาดอยู่ภายในใจ มันก็จะทำงานตามความรู้สึกของคุณแล้วดึงดูดสิ่งที่คุณคิดและรู้สึกขาดนั้นมาให้คุณ เช่น ถ้าคุณต้องการที่จะดึงดูดเงินทองให้เข้ามาในชีวิต แต่คุณยังไม่สามารถรู้สึกมั่งคั่งพรั่งพร้อมได้ ก็ยากที่จะดึงดูดมาได้ หรือหากคุณต้องการจะเจอรักแท้ แต่ยังมีความรู้สึกขาดความรัก โหยหาความรัก ยังรักตัวเองไม่เป็น ไม่สามารถเติมเต็มความรักให้ตัวเองได้ ก็เป็นเรื่องไม่ง่ายที่คุณจะพบรักแท้ เป็นต้น

11. “ทุกอย่างในโลกคือพลังงาน” คุณส่งพลังงานอะไรออกไปก็จะได้รับกลับมาเช่นนั้น อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดก็เป็นพลังงานอย่างหนึ่ง คำพูดก็เป็นพลังงาน ถ้าคุณคิดหรือพูดสิ่งที่ไม่ดีออกไป คุณจะได้รับสิ่งนั้นกลับมา เพราะฉะนั้นจงระวัง ความคิดและคำพูด รวมทั้งอารมณ์ความรู้สึกด้านลบที่คุณสื่อสารออกไปด้วย

12. เยียวยาบำบัดจิตใต้สำนึกและพัฒนาจิตวิญญาณ  ความเชื่อด้านลบ ปมปัญหา บาดแผลทางใจ ความรู้สึกขาด ความรู้สึกนึกคิดอารมณ์ด้านลบ  หรือ Trapped Emotion ที่เราทุกคนล้วนสะสมมายาวนานจากประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกันไปและมันฝังอยู่ภายในจิตใต้สำนึกของคนเราทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว มันเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตติดขัดหรือเป็นตัวขัดขวางความสุขและความสำเร็จในชีวิต หากคุณใช้กฎแรงดึงดูดแล้วไม่ได้ผล รู้สึกต่อต้านภายในใจหรือไม่สามารถตอกย้ำจิตใต้สำนึกเพื่อดึงดูดสิ่งดี ๆ คนดี ๆ ให้เข้ามาในชีวิตได้เหมือนมีกำแพงหรืออะไรมาบล็อคไว้  จีขอแนะนำให้คุณ เยียวยาบำบัดจิตใต้สำนึก เพื่อเคลียร์หรือคลายปมและเยียวยาบำบัดจิตใจตัวเองก่อน เพื่อเปิดรับสิ่งดี ๆ ที่คุณคู่ควร รวมทั้งควรฝึกฝนพัฒนาด้านจิตวิญญาณ ปรับพลังงานชีวิตคุณให้อยู่ในคลื่นความถี่สูง คุณจะสามารถดึงดูดสิ่งที่ปรารถนาได้ลื่นไหลมากขึ้น โดยไม่ต้องพยายามมากเหมือนเดิม

ลองนำข้อมูลและข้อแนะนำเกี่ยวกับ กฎแห่งแรงดึงดูด (Law of attraction) ที่จีแชร์มานี้ไปปรับใช้กันดูนะคะ จีหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์และช่วยให้เพื่อน ๆ ได้สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นได้เช่นกัน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ

อ้างอิงข้อมูล : besterlife.com

All Photos by Pixabay.com

อ่านบทความเพิ่มเติม : พัฒนากรอบความคิด (Mindset) เปลี่ยนชะตาชีวิตตนเอง

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here